วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

แจม The Gang ...return เขาโจด กาญจนบุรี...งานนี้หลงซะเพลิน (มอเตอร์ไซด์)

จะว่าไป...เมืองไทยก็มีอยู่แค่เนี้ย สำหรับคนทำงานหาเลี้ยงชีพ จะไปไหนนานๆ บ่อยๆ ก็คงไม่ได้ อยู่กรุงเทพไม่ได้อยู่ภาคเหนือ หาที่ขี่เที่ยวให้ได้เล่นโค้งพอหอมปากหอมคอ...แบบใกล้ ออกจะยากซักหน่อย

จริงๆ แล้วเขาโจดเคยไปมาแล้วหนหนึ่ง เมื่อ ธค. ปี 51 ในทริปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น หากใครเคยอ่าน อาจจะพอจำได้ว่า ไอ้เจ้าถนนที่ผ่านเขาโจดจากหนองปรือไปศรีสวัสดิ์มันไม่มีใน GPS ยังไงล่ะคะ

ทริปนี้เป็นการรวมตัวเฉพาะกิจ ด้วยอยากให้มีสาวๆ ชาวกรุงมารวมกันขี่ ก็ถือได้ว่าเป็นทริปแรกที่มีผู้หญิงขี่รถถึง 3 คน และผู้ร่วมทางอื่นๆ จาก The Gang แห่งบ้าน Stormclub.com รวมผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 6 ชีวิต

ในตอนแรกนัดกันไว้ 8 โมงเช้า คืนก่อนหน้ามีเสียงตามสายบอกกล่าวขอเลื่อนเวลาให้เช้าขึ้นเป็น 7 โมง เพื่อจะได้ขี่ไม่ร้อน และจะได้มีเวลาชิวๆ ที่เขื่อนศรีนครินทร์มากหน่อย เดือดร้อนซิครับงานนี้ เพราะปรกติเป็นคนนอนดึกมาก คืนก่อนไปก็ปาเข้าไปตี 3 แต่เอ้า...ว่าไงว่าตามกัน

จุดนัดรวมพลที่โลตัสถนนพระราม 3 เจอกันที่ปั๊มปิโตรนาส พี่พีเอาแผนที่ให้ดู "หมอไปเขาโจดถูกไหม ถ้าถูก...นำเลยนะคะ" ล้อหมุนออกจากกรุงเทพเกือบ 8 โมง







ยิงยาวจากถนนกัลปพฤษก์ สู่พระบรมราชชนนี มุ่งหน้าสูนครชัยศรี ไอ้เราก็นึกกว่าเข้ากาญจนบุรีก่อน แล้วค่อยไปเขาโจดทาง อ.ศรีสวัสดิ์ จึงขี่นำโลด แถมยังเลยทางแยกเข้าเมืองกาญอีก -_-' (ข้าน้อยขอรับผิดแต่โดยดี) แต่มีคนบอกว่าไปเขาโจดทางฝั่งหนองปรือก่อนดีกว่า เพราะยังเช้าอยู่ จึงต้องวกรถกลับมาเข้าแยกสันกำแพง




แวะกินข้าวเช้า และโฉมหน้า The Gang แห่ง Stromclub



เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า คราวที่แล้วที่มีคนพยายามไปเขาโจดทางฝั่งหนองปรือ หลงอยู่กว่าสองชั่วโมง แต่คราวนี้เรามั่นใจ...มันจะต้องไม่เป็นอย่างนั้น แต่ที่ไหนได้หลงทางพอๆ กันเลย กว่าจะหาทางขึ้นเจอ ในทริปนี้มีคนติด GPS ไป 4 คน ทุกคนล้วนแล้วแต่เคยมาทางนี้กันแล้ว แต่ไม่มีใครเคยเก็บพิกัดไว้เลย ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีแผนที่ใน GPS กว่าจะได้ขึ้นเขาโจดก็เที่ยงกว่า ทั้งร้อน หิว และเหนี่อย (แน่ละสิ ทางที่อ้อมไปกว่า 100 km อีกด้วย)



ระหว่างทางที่กำลังหลงทาง ถ่ายตัวเองก็ได้


ถึงแล้วจ้าาา...เขาโจด



หากใครอยากจะไป โดยต้องการจะขึ้นเขานี้ทางหนองปรือ ให้ตั้ง GPS ไปที่อุทยานแห่งชาติถ้ำธารลอด (เดิมชื่ออุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์) แล้วก็ถามคนแถวๆ นั้นแหละว่าจะไป อ.ศรีสวัสดิ์ รับรองว่าไม่หลง (นาน...อิอิ)



ปีนี้ทางบนเขาดีขึ้นมาก ได้รับการเก็บกวาดเศษหินที่ร่วงหล่น และตัดต้นหญ้าข้างทาง มีผู้คนสัญจรมากขึ้น ทำให้ไม่น่ากลัวเหมือนปีที่แล้วที่มา




สองสาว...กับรถคู่ใจ


ภาพบรรยากาศ...ร้านอาหาร


แวะพักกินข้าวกันที่ทางขึ้นแพขนานยนต์ ไม่ไปมันแล้วเขื่อน...^^ เพราะกว่าจะถึงก็เกือบบ่ายสองเข้าไปแล้ว บรรยากาศก็ถือว่าใช้ได้ ติดว่าวันนี้ออกจะร้อนไปซักหน่อย แต่มีสายรายงานว่าวันนี้กรุงเทพฝนตกหนักตั้งแต่สายๆ แล้ว หลังกินข้าวเสร็จปุ๊บ...หลับเลยค่ะ แต่คนอื่นๆ เล่นน้ำกันสบายใจเฉิบ


โฉมหน้าสามสาวนักบิด...ในทริปนี้ค่ะ


ได้เวลากลับบ้านแล้ว...ขึ้นแพไปอีกฝั่ง ช่วยย่นระยะทางไปได้เยอะ ถ้าขี่กลับก็อีกไกลกว่าจะถึงตัวเมืองกาญ





กว่าจะขึ้นจากแพ (หรือเรียกว่าเท้ง ตามภาษาชาวบ้าน) ก็นับว่าออกเดินทางจากเขื่อน 5 โมงกว่า ระหว่างทางขี่เข้าตัวเมืองกาญ ก็เห็นว่ามีกลุ่มช๊อปเปอร์และมี BB ขี่ผ่านไปมากมาย จอดเติมน้ำมัน...ถึงได้รู้ว่ามีงาน bike week ที่นี่


ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกร่วมกันเสียหน่อย



กว่าจะถึงบ้านก็สามทุ่มพอดิบพอดี เรียกว่าขี่แบบเร่งๆ เล็กน้อย เพราะต้องกลับมาเข้าเวรทำงานต่อ จบทริปด้วยระยะทางห้าร้อยกว่าโล อะโห...เกือบเท่ากับขี่ไปเชียงใหม่เลยนะเนี่ย แต่ก็สนุกมากๆ ปวดเมื่อยเอาเรื่องเลยค่ะ

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

การขับขี่มอเตอร์ไซด์ให้ปลอดภัย และเหตุการณ์อุทรหรณ์ที่เกิดขึ้นจากคนใกล้ตัว

การขับขี่มอเตอร์ไซด์จากสายตาผู้คนทั่วไปนั้นเป็นพาหนะที่ค่อนข้างอันตรายมาก เพราะเราจะเห็นได้ว่าอัตราการเกิตอุบัติเหตุจากพาหนะชนิดนี้สูงมาก

การที่ตัวเองทำงานเกี่ยวกับสุขภาพ รวมทั้งการที่ตัวเองรักการขี่มอเตอร์ไซด์ ทำให้ได้พบเห็นภาพผู้ป่วยจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์ในแต่ละวันบ่อยครั้งกว่าพาหนะชนิดอื่น ได้ยินข่าวจากคนรอบๆ ตัวอยู่ตลอดเวลา เบาะๆ ก็แค่บาดเจ็บ หรือร้ายแรงที่สุดคือเสียชีวิต

การขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท เคารพและเกรงใจเพื่อนร่วมทางจึงเป็นสิงสำคัญอย่างยิ่ง

เรามาดูปัญหาจากมอเตอร์ไซด์ทั่วไปก่อน ซึ่งเกิดปัญหาทางสังคมค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเกิดจากความรำคาญในสายตาของผู้ใช้ยานพาหนะชนิดอื่น

การขับขี่โดยไม่เคารพกฏจราจร เช่น การขี่ย้อนศร, ฝ่าไฟแดง, ขี่ช้าไม่ชิดซ้าย, ขี่ตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด

แจกแจงเป็นกลุ่มๆ ดังนี้

กลุ่มบุคคลที่ต้องใช่มอเตอร์ไซด์เป็นส่วนหนึ่งในอาชีพ

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้มอเตอร์ไซด์ มักเป็นแรงงานระดับล่าง กรณีรถยนต์โดนเฉี่ยวชน มีมามายที่คู่กรณีที่เป็นมอเตอร์ไซด์นั้นหนี หรืออ้างว่าไม่มีจ่ายเอาซะดื้อ หรือมาชนรถยนต์เองด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ผิด แต่ก็ยังมั่วนิ่มอ้างว่ารถมอเตอร์ไซด์จัดเป็นรถเล็ก รถใหญ่ต้องรับผิดชอบ (ซึ่งปัญหาข้อหลัง ก็ถืว่าดีขึ้นมาในปัจจุบัน เพราะตำรวจว่ากันตามผิดถูก)

ความรีบร้อนในงาน ทำให้บุคคลผู้ใช้มอเตอร์ไซด์ในกลุ่มพนักงานนั้นเร่งรีบ ขี่เร็ว ไม่ค่อยเคารพกฎจราจรและขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม

กลุ่มเด็กแว๊นซ์

กลุ่มเด็กกวนเมืองเหล่านี้ มักสร้างปัญหาอีกรูปแบบหนึ่ง คือมักรวมเป็นกลุ่มแก๊งค์ แล้วออกขี่ร่วมกันเป็นกลุ่ม เวลานั้นๆ แหละ ที่ทำให้ชาวบ้านเดือนร้อน และวุฒิภาวะในการควบคุมรถที่ออกไปในแนวบ้าระห่ำกว่าผู้ใหญ่ ทำให้กฏจราจรแทบใช้ไม่ได้เลยกับคนกลุ่มนี้ (กรณีซึ่งๆ หน้าก็พอควบคุมได้ แต่หลับหลังตำรวจ...ไม่ต้องพูดถึง)

กลุ่มผู้ขี่มอเตอร์ไซด์ในต่างจังหวัด

กลุ่มนี้จะขี่เรื่อยๆ ช้าๆ แต่มักไม่ค่อยมองรอบข้าง นึกจะแบบรถออกมาก็ออก นึกจะออกจากซอยก็พุ่งออกมาเลยโดยไม่มองว่ามีรถหรือเปล่า และไม่ค่อยสนใจกฏจราจร เข้าใจว่าเกิดจากความเคยชิน เพราะถนนหนทางรอบๆ บ้านมันก็ไม่ค่อยมีรถรา ทำให้ละเลย

สภาพรถก็มักไม่สมบรูณ์ ขับขี่กลางคืนไม่มักไม่มีไฟหน้า ไฟท้าย

ใครว่าขี่ช้าจะไม่สร้างปัญหา บางครั้งเพราะขี่เงอะๆงะๆ ก็ทำให้ถูกคนอื่นชนได้โดยไม่รู้ตัว

กลุ่มผู้ขี่รถใหญ่ หรือ Big Bike ที่เขียนบทความนี้ก็เพราะเกี่ยวข้องกับตัวเองโดยตรง เพราะตัวเองเป็นคนหนึ่งที่รักและขี่มอเตอร์ไซด์ประเภทนี้

รถ BB คือรถที่มี cc หรือความจุของกระบอกสูง มากกว่า 250 cc ขึ้นไป เป็นรถที่สามารถทำความเร็วได้มากกว่า 200 km/hr คนที่มองรถประเภทนี้มีหลายความคิดหลายความรู้สึกแตกต่างกันไป บ้างก็ว่าเท่ห์สวย บ้างก็ว่าไร้สาระ ซึ่งในความจริง คงไม่มีใครปฏิเสธว่ารถประเภทนี้สวยงามอย่างที่ว่าจริงๆ

แต่เพราะความแรงของมันนั้นเอง ทำให้ผู้ที่นำมาขับขี่บนท้องถนนด้วยความเร็วสูง เป็นที่เสียวไส้ต่อคนมองอยู่ไม่น้อย และตัวผู้ขับขี่รถประเภทนี้โดยทั่วไปก็มักเป็นคนที่พิศมัยต่อความเร็วเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของเสียงรบกวนจากเสียงท่อไปเสีย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาในปัจจุบันที่ถูกมองจากบุคคลภายนอกอยู่ในขณะนี้ คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อขี่มาเป็นกลุ่ม

ไหนจะเสียงดัง

ไหนจะขี่เร็ว

และสุดท้าย บางกลุ่ม...ที่ไม่เคารพกฏจราจร

"เหตุการณที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ"

เพียงแค่...

...ขี่ช้าลงอีกนิด ---> ไม่จำเป็นต้องขี่ช้าขนาดเต่าคลาน...
...ใจเย็นลงอีกหน่อย...
...สังเกตสภาพรอบๆ ตัวให้ถี่ถ้วน...
...คิดเผื่อรถคันอื่นในสถานการณ์หลายๆ รูปแบบ...
...เคารพกฏจราจร...
...พักผ่อนให้เพียงพอ...
...อย่าดื่มสุราขณะขับขี่ยานพาหนะทุกชนิด...

ง่ายๆ ใช่ไหมคะ


____________________________________________________________________________________________________



ตั้งแต่เปิดฤดูท่องเที่ยว ตั้งแต่ปลายปี 09 จนถึงวันนี้ (มค 10) ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของ Rider แล้วกว่า 5 คน ฉันเองไม่ปฏิเสธว่าเป็นคนขี่รถเร็ว (รวมทั้งขับรถด้วย) แต่จะยึดในกฏจราจรและพยายามที่จะให้ความเคารพต่อเพื่อนร่วมเส้นทางอยู่เสมอ

มีคนกล่าวว่า...อยากขี่เร็ว ให้ขี่ในสนามสิ แต่สำหรับนักขับขี่มอเตอร์ไซด์คงปฏิเสธไม่ได้ได้ ว่าการได้ขับขี่บนเส้นทางสวยๆ พร้อมกับความเร็วนั้น สร้างความสุขสนุกให้กับเราๆ ท่านๆ อย่างมากมาย แต่อยากให้มีสติกับสิ่งที่ทำสักเล็กน้อย ทำอะไรก็ตามให้เพียงพอเหมาะสม พยายามประมาณตนเอง และคำนึงถึงสังคมตลอดเวลา

นี่เป็นสิ่งที่ฉันเองพึงสำเนียกให้ขึ้นใจยามที่ได้ขึ้นคร่อมรถแล้วออกตัวไปเที่ยวยังที่ต่างอ เพียงแต่ฉันก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ซึ่งคงมีบางเวลาที่สติตามใจไม่ทันเช่นกัน หากผู้ใดพบเจอกันบนถนนหนทาง แล้วฉันสร้างความไม่พอใจให้แก่พวกท่าน ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ค่ะ ได้โปรดอย่าถือโทษโกรธเคืองและให้อภัยกันด้วย

อาทิตย์ที่ผ่านมาได้รวมตัวกันขี่ไปเขาใหญ่รอบที่ 2 ของเดือนนี้ โดยมีกันทั้งหมด 15 คัน โดยมี 3 คันเป็นรถตระกูล sport

และหนึ่งใน 3 คันนี้ เกิดอุบัติเหตุ ไม่อยากให้ถามว่าใครผิด แม้บ่อยครั้งอุบัติเหตุที่เกิดกับรถ BB มักจะเกิดจากตัวผู้ขับขี่เองที่ประมาท หรือรวมทั้งไม่ความสามารถในการควบคุมรถให้ดีพอ ยามเมื่อเกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้าจึงไม่สามารถแก้ไขได้ เป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุตามมา สุดท้ายต้องมีคนที่บาดเจ็บหรือเสียหาย






สภาพรถ


การปะทะ...จากรูป ดูรุนแรง ทั้งๆ ที่ความเร็วของทั้งคู่ไม่ได้รุนแรงมากนัก รถกระบะเกือบหยุดนิ่งแล้วตอนปะทะ รถมอเตอร์ไซด์ประมาณ 60 km/hr เพราะพยายามเบรคเต็มที่ หลังจากรถมอเตอร์ไซด์ปะทะเข้ากับกระจังหน้ารถกระบะ ผู้ขี่กระเด็นตีลังกาไปตกอยู่ข้างๆ เกือบท้ายรถ

ทริปนี้ออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ เกิดเหตุราวๆ สิบโมงกว่า หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมีกะใจจะขี่เที่ยวเล่นไหนอีก เป็นครั้งแรกของฉันค่ะ ที่คนในทริปเดียวกันเกิดอุบติเหตุ สิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

สุดท้าย...คนเจ็บในภาพ ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ไม่แม้แต่กระดูกหัก มีเพียงแค่ข้อกระดูกเคลื่อนเพียง 3 แห่งเท่านั้น

แต่คราวหน้า...เราจะโชคดีอย่างนี้ไหม



เรื่องที่เกิดขึ้นเแล้ว...การที่เราได้รับรู้ อยากให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจและจดจำไว้ ช่วนกันดูแลกันและกัน จะดีมากถ้าไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยเพื่อให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด....ก็ยังดี

ขับขี่ปลอดภัย...เป็นหัวใจของการใช้ยานพาหนะทุกชนิด

ทริปขี่มอเตอร์ไซด์ ฟอกปอด...เขาใหญ่ 10/1/10

คนกรุงเทพที่รักการขี่รถ แต่ไม่มีเวลา ใกล้ที่สุดที่พอจะมีป่าเขียวทางโค้งๆ ให้คิดถึง ก็คงจะไม่พ้นเขาใหญ่นั่นเอง ระยะทางเพียงร้อยปลายๆ จนถึงสองร้อยกว่ากิโลนิดๆ ก็ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างที่ว่า แล้วแต่ว่าจะไปเยือนทางไหน เพราะว่าเข้าได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นทางโคราช นครนายก หรือปราจีนบุรี

ได้รถใหม่มา 2 เดือนกว่าแล้ว ยังไม่ได้ขี่สมใจอยากเลย เมื่อเวลามีน้อย จึงไม่ลังเลที่จะขี่ไป แม้จะใกล้ๆ เช้าไปเย็นกลับก็ตาม

พนันได้เลยว่าบรรดาชาวมอเตอร์ไซด์กรุงเทพต้องเคยไปเขาใหญ่ไม่ต่ำกว่า 2 รอบอย่างแน่นอน

ทริปนี้มีผู้ร่วมทางเพียงแค่ 3 คน ออกเดินทางกันแบบสบายๆ เกือบๆ สิบโมงเช้า ไม่ได้มีกำหนดตายตัวแน่นอน มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ แต่ระหว่างทางเห็นป้ายเขื่อนป่าสัก จึงชี้โบ้ชี้เบ้ให้ไป เอ้า...ไปก็ไป มีเวลาขี่ได้ทั้งวันอยู่แล้ว ^^


ถึงแล้ว...เขื่อนป่าสัก


ริมเขื่อนปลาเยอะเลยค่ะ ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย แน่นอน...มีปลาที่ไหน ก็ต้องมีอาหารปลาขายที่นั่น


ฟ้าใสๆ ...ชัวร์ แดดร้อนมั่กๆ ด้วยล่ะ



ทริปนี้ทำขายึดกล้องติดกับรถ ภาพจึงถ่ายผ่านชิลด์หน้ารถ ทำให้ไม่ให้ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่การถ่ายรูปด้วยการถือพร้อมกับการถ่ายไปด้วยมันอันตราย...จริงไหมคะ ^^


เดี๋ยวนี้ไม่อนุญาติให้นำรถวิ่งบนสันเขื่อนได้...แต่มีถนนวิ่งหลังเขื่อนได้ค่ะ



ออกจากเขื่อนป่าสัก มุ่งหน้าไปเขาใหญ่ ผ่านอุโมงค์ต้นไม้ แต่ไม่ค่อยครึ้มเขียวเท่าไหร่ เลยไม่ได้จอดถ่ายรูป ผ่านไร่ดอกทานตะวัน ก็โรยแล้ว บางไร่ที่พอจะดอกงามๆ วิวด้านหลังก็ไม่สวยเอาซะเลย...ช่างมัน แต่นี่ก็เพิ่งจะบ่ายโมง วันนี้ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ...ทำอะไรกันดี คิดๆๆๆ งั้นแวะไร่ทองสมบรูณ์หาอะไรเล่นก่อนแล้วกัน ของเล่นเยอะเหมาะกับการพาครอบครัวมาพักผ่อน แต่ไม่เสียวหรือผาดโผนมากอย่างที่คิดนะคะ


ค่าผ่านประตูคนละยี่สิบบาท จริงๆ ก็เป็นค่ารถนั่งเข้าไปอีกทีค่ะ


มีเครื่องเล่นให้เล่นมากมาย เราเลือกเล่น 2 อย่าง อันแรก Luge คือเลื่อน ปล่อยลงมาตามทางชัน แล้วเราก็นั่งกระเช้ากลับขึ้นมาอย่างที่เห็น


อีกอันที่เล่นคือ Dry slage เป็นการนั่งห่วงยางสไลด์ลงมา มันได้แห้งจริงๆ อย่างชื่อ เพราะมีปล่อยน้ำลงมาด้วย เปียกพอคลายร้อนค่ะ


รูปแรก...ท่ามาตรฐาน รูปสอง ท่านี้...ขอเล่นเอง น้องเจ้าหน้าที่รีบบอก "ท่านี้ไม่แนะนำ รับผิดชอบตัวเองนะคะพี่" -_-'




บรรยากาศภายในไร่ทองสมบูรณ์




ม้าตัวนี้...น่ารักมาก ^_^


วิวสวยๆ ระหว่างทางไปเขาใหญ่




BMW 3 คัน 3 รุ่น ได้แก่ F800GS, R1200GS และ R1200GSA




เปรียบเทียบขนาด...3 คัน


วิวสวยๆ ...จุดชมวิวบนเขาใหญ่


ธรรมชาติสวยๆ ระหว่างทางในเขาใหญ่ จุดนี้เป็นบริเวณดินโป่ง ช่วงเวลาใกล้พระอาทิตย์ตกดิน


รอดูสัตว์กินดินโป่ง เวลานี้มักมีสัตว์ออกมากกินดิน แต่วันนี้เงียบเหงา ไม่มีเงาแม้...สักตัว


ขอเป็นนางแบบสักภาพ


ทางสวยๆ บนเขาใหญ่



สิ่งยั่วยวนใจเหล่านักขี่มอเตอร์ไซด์ แต่อยากให้พึงระลึกไว้เสมอ เขาใหญ่...เปรียบเสมือนบ้านของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ เมื่อเยี่ยมเยือนบ้านใคร ควรให้ความเกรงใจเจ้าบ้าน และ...เราไปที่นี่เพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ควรรีบร้อนใช้ถนนหนทางด้วยความเร็วสูง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์ก็ตาม หากเกิดอันตรายใดๆ ขึ้น...คุ้มหรือไม่ การสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน คิดตึกตรองให้ดี ด้วยความห่วงใยแด่ทุกๆ ท่านค่ะ อยากให้การท่องเที่ยวของทุกๆ คนจบลงด้วยรอยยิ้มและความทรงจำที่ดี มิใช่คราบน้ำตาและหัวใจที่ปวดร้าวแตกสลาย


รีบลงทางฝั่งปราจีนบุรี ก่อนจะมืด ผ่านน้ำตกเหวนรก แต่เย็นเกินไป เป็นอันว่าอดแวะชม



เส้นทางขาลงทางฝั่งปราจีน บ่อยครั้งที่มีช้างออกมาเดินเพ่นพ่านบนถนน ในช่างเย็นๆ ถึงหัวค่ำ ถ้าเป็นไปได้จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางในนี้ค่ะ จะอย่างไรช้างก็เป็นสัตว์ ซึ่งเราไม่อาจทำนายได้อย่างแน่นอนได้ว่าเขาจะไม่เข้ามาทำร้ายเรา ถ้าไม่เข้ามาทำอะไร ก็ดูเหมือนจะดีไปที่ได้พบเจอกันอย่างใกล้ชิด แต่ถ้า...วิ่งเข้ามาละก็ บรือส์...ไม่อยากจะคิด ระหว่างทางก็พบเห็นมูลช้างเป็นระยะๆ ยืนยันเสียงลือเสียงเล่าชัดเจนว่ามีช้างออกมาจริงๆ แน่นอน


ระหว่างทาง...เจอกับกลุ่ม Sport BB ที่รู้จักกัน แวะทักทายกันก่อนแยกย้ายกลับ กทม.


แตะปากทางอุทยานฝั่งปราจีน ราวๆ เกือบ 6 โมงเย็น



เรากลับกันตามเส้นทางที่เป็นทางหลวงชนบท ไม่ใช่เส้นทางหลัก เป็นสองเลนส์สวน มาทะลุออกทางหนอกจอก แถวๆ มีนบุรี จริงๆ เส้นทางนี้สั้นมาก ไม่ถึง 100 กิโลเมตร เพราะมืดมาก ทำเวลาไม่ค่อยได้ แต่ก็ดีกว่ากลับทางรังสิต เพราะรถต้องติดแน่ๆ แตะกรุงเทพราวๆ สองทุ่ม เหนื่อยพอหอมปากหอมคอ อาจเป็นเพราะตะลุยกันทั้งวัน

จบทริปลงแบบสนุกสนาน...เรียกน้ำย่อย เพราะไม่ว่าจะขี่กี่ครั้งๆ ก็ไม่ทำให้ความอยากขี่ลดน้อยถอยลง อาจจะเป็นเพราะขี่สั้นๆ เสียด้วยซ้ำทำให้ต้องรีบกลับไปทำการบ้านหาทริปยาวเป็นการใหญ่