วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2552

ทริปลองของ....ขี่ Harley Davidson จากเชียงใหม่ไปเชียงราย

ที่มา...เพื่อนซี้ Biker ชาวเชียงใหม่โทรมา "จะขี่รถไปเที่ยวแม่สายเสาร์นี้ ไปป่าว มาแต่ตัวนะ ไม่ต้องเอารถมา เด๋วเตรียมรถไว้ให้" เราก็...เอายังไงดีล่ะ เพราะเพื่อนคนนี้กับก๊วนเค้าขี่ Harley Davidson นี่หว่า จริงๆแล้วเราก็ไม่ชอบด้วย แต่ก็มีคนบอกมาว่ามันให้อีกอารมณ์นึง เพลินดี เราเองก็คิดว่ามันต้องมีอะไรดีซิน่า ไม่งั้นยี่ห้อนี้ไม่อยู่มาได้เป็นร้อยปีหรอก เอ้า...ด้วยความที่ไม่เคยมาก่อนก็ต้องลองกันซักตั้ง


คันนี้เลย HD Sportster 883 ปี 2002

ทริปนี้จัดเป็นทริปที่สั้น(มากๆ) เพราะไปเช้าเย็นกลับ จากเชียงใหม่ไปแม่สายแล้วกลับใจวันนั้นเลย จึงลุยเดี่ยวจากกรุงเทพสู่เชียงใหม่ได้ด้วยสายการบินแอร์เอเชี่ย เอ้ย...เอเชีย (ไปเลท 5 นาที เคาท์เตอร์ไม่ยอมให้เช็คอิน ตกไฟล์ทเลย เซ็งเป็ดสุดๆ ทั้งๆที่ไม่มีของโหลด สุดท้ายจำยอมซื้อตั๋วเที่ยวต่อไปใหม่)กว่าจะถึงเชียงใหม่ก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม หิวซ่กเลย

เพื่อนบอกว่าตั้งใจเตรียมรุ่นนี้ให้เพราะขี่ง่าย เนื่องจากเป็น HD ที่สูงและที่พักเท้าไม่ได้เยื้องไปข้างหน้ามากนัก ทำให้ยังคงท่าทางในการขี่คล้ายๆรถปกติที่ขี่อยู่แล้ว เข้าโค้งไม่ยากนัก ตอนแรกก็กลัวๆอยู่ว่าจะขี่ได้มั๊ย เพราะเคยลอง dragstar ถึงกับเลี้ยวไม่เป็นเลยทีเดียว


ทริปนี้ออกแต่เช้าราวๆ เจ็ดโมง รวบรวมสมัครพรรคพวกได้ทั้งหมด 9 คัน เป็น HD 4 คัน, CB400 2 คัน, FJR1300 1 คัน, Yamaha 400cc ไม่ทราบรุ่น, KLX250 1 คัน แม้จะไม่เหมือนกัน แต่เราก็ไปด้วยกันได้


โฉมหน้าและเบื้องหลังของเพื่อน Biker สุดซี้ ที่เป็นสปอนเซอร์รถ HD ในทริปนี้ สาวตัวเล็ก แต่ใจ(น้ำ)ใหญ่ มากความสามารถ ที่ขี่รถใหญ่กว่าเราอีกได้อย่างสบายๆ


ขอถ่ายรูปตัวเองซักรูป




ทางสวยๆ โค้งกว้างๆ กับบรรยากาศเย็นๆ ยามเช้า จากเส้นทางดอยสะเก็ด มุ่งหน้าสู่เชียงราย


ถนนเส้นนี้จัดเป็นเส้นที่ถนนดีมาก โค้งกว้าง และบางช่วงมีสามเลนส์เพื่อให้สะดวกในบางช่วงที่เป็นทางชันขึ้นเนิน ประกอบกับวิวป่าเขาสวยๆ ตลอดสองข้างทาง แม้จะเป็นหน้าร้อนแล้วแต่ยามเช้าอย่างนี้ ก็ยังรู้สึกถึงอากาศเย็นให้ยะเยือกในบางช่วง


ด้วยความที่ยังไม่ชินรถ ก็ค่อยๆทำความคุ้นเคย ค่อยๆขี่กันไป ใครไปก่อนก็ไปรอกันที่บ่อน้ำพุร้อน




ทริปนี้มีผู้หญิงรวมทั้งหมด 3 คน


แต่ที่ต้องยกนี้ให้คือพี่คนนี้ (ใส่เสื้อสีขาว) เพราะนี่เป็นทริปแรกของเค้า กับระยะทางรวมไปกลับทั้งหมดกว่า 500 กิโล ที่ขี่ตามโดยไม่ปริปากบ่น ถึงแม้จะขี่ช้า แต่ก็ไม่ฝืน ซึ่งก็เป็นการดี เพราะการขี่ตามความสามารถทำให้ลดอันตรายลงได้ เป็นสิ่งที่เราชาว biker ต้องรู้อยู่แกใจเสมอว่าจะไม่ขี่เกินความสามารถของตนในท้องถนน



ธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อมีบ่อน้ำพุร้อนที่ไหน ก็ต้องมีคนมาขายไข่ให้ลองต้ม ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่หรือไข่นกกระทา (แต่ไม่ยักกะมีไข่เป็ด) และแล้วมันก็เป็นอาหารเช้าของวันนี้นี่เอง (แต่เราไม่ได้กินซักฟอง เพราะกลัวอ้วน)


โอ้ว...น้ำพุร้อน พุ่งซะสูง (ใช้ปั๊มน้ำป่าวเนี่ย?)



ออกจากบ่อน้ำพุร้อน ก็เริ่มคุ้นรถ เริ่มมันส์ในอารมณ์ จึงซิ่งซะเลย (แหะๆๆ...รถ HD ได้ไม่เกิน 120 หรอกค่ะ แค่นี้ก็ทั้งหงายเงิบและสั่นสะเทือนสะท้านไปทั้งตัวแล้วละ)ไม่ได้มองหลังเลยว่าเพื่อนซี้รถเสียอยู่ข้างหลัง เพราะขี่ๆไปก็เห็นก๊วนเดียวกันอยู่ข้างหน้าลิบๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็นู่นไปจอดพักเข้าห้องน้ำที่ปั๊มแถวแม่ริม เลยตัวเมืองเชียงรายไปอีก ขี่ละเลียดดูไม่เจอใครเลย ก็ว่า...งงอยู่ว่าหายไปไหนกันหมด จนเพื่อนโทรมาบอกว่ารถเสียอยู่ ให้ไปรอที่ร้านมอเตอร์ไซด์ในตัวเมืองเชียงราย เราก็วนกลับไปแต่ก็หาไม่เจอ สุดท้ายเพื่อนโทรมาอีกรอบบอกว่ารถซ่อมเสร็จแล้ว (แต่ก็เกือบหนีกลับบ้านไปแล้ว) ก็เลยบอกให้เจอกันที่แม่สายเลย


"เจอกันที่จอดประจำใต้สะพานนะ"
เอ...แล้วมันที่ประจำของใคร และมันอยู่ที่ไหนวะเนี่ย ตรูไม่เคยมานะเฟ้ย

ถึงแม่สาย เห็นด่านรำไรๆ ไปทางไหนดีหว่า ตามรถไปเรื่อยวนทางซ้ายของด่านก็ไม่เจอสะพาน กลับมาอีกรอบวนขวา เจอละ...แต่สะพานมันเล็กนิดเดียว ไม่เห็นมีที่เหลือให้จอดเลย ก็เลยวนรอบแม่สายเล่นอีกรอบ กะว่าถ้ารอบที่สามจะจอดมันหน้าด่านนี่แหละ เพื่อนก็โทรมาว่าถึงแล้วพอดี ก็เลยไปจอดใต้สะพาน


หลักกิโลยักษ์ที่อยากเข้าไปถ่ายรูปด้วยมาก แต่ไม่มีใครเข้าไป...เลยไม่กล้า



กินข้าวกลางวันกันที่ร้านเก่าแก่ข้างสะพาน ที่พี่คนหนึ่งบอกว่ามากินตั้งแต่คนขายยังสาวและหุ่นผอมเพรียว จนปัจจุบันแก่แล้ว
แสดงว่าร้านนี้เก่าแก่จริง



แม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่แม่สายกลับไม่คึกคักเท่าที่ควร
ปล.เด๋วนี้แม่ค้าน่าตาน่ารักไม่แพ้เด็กกรุงเลยทีเดียว



หาซื้อ CD เพลงสากลในฝั่งบ้านเราไม่ได้เลย อยากข้ามไปฝั่งพม่า
แต่เห็นคนรอทำเรื่องที่ด่านเยอะมาก เลยต้องอดใจไว้คราวหน้าก็แล้วกัน



แวะปั๊มเติมน้ำมันอีกรอบ ขอถ่ายรูปคู่กับรถในท่าขี่ซักหน่อย เด๋ว...จะไม่เชื่อกัน


ออกจากแม่สาย มุ่งหน้าไปพัทยาน้อย คือที่ไหนหว่า? ไม่รู้จัก...แต่ในเมื่อเจ้าบ้านจะพาไปก็ถึงไหนถึงกัน พอเห็นป้ายหาดเชียงราย นึกในใจว่าที่นี่แน่ แล้วก็จริงอย่างที่คิด เป็นหาดที่เกิดจากตะกอนในแม่น้ำ มีร้านค้าเรียงรายอยู่มากมายริมน้ำ บรรยากาศสบายๆ แต่อาหารแพงไปหน่อย เลยแอบน่าเกลียดเล็กๆ ด้วยการสั่งอาหารเพียงบางอย่าง แล้วขี่ไปซี้อมาเพิ่มจากข้างนอก ^_^"



มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล่นน้ำมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ฝรั่ง แต่ไม่ยักกะไส่บิกินี่เล่นเนอะ




จริงๆแล้วบรรดาเพื่อนๆพี่ๆ ยังไม่อยากกลับ แต่เราไม่อยากขี่กลับตอนมืด เพราะถนนสวยขนาดนี้ ยังอยากขี่เล่นโค้งอีก เราจึงออกเดินทางกลับราวห้าโมงกว่า ผ่านถนนสองเลนส์สวนระหว่างอำเภอไปออกแถวแม่สรวย ก็ยังมีโค้งสวยๆให้ขี่เล่น


บรรยากาศก่อนพระอาทิตย์ตก ขณะขี่กลับเชียงใหม่



ถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ


เข้าสู่ช่วงก่อนถึงดอยสะเก็ดก็เริ่มมืด ไฟรถตัวเองไม่สว่าง เหมือนเพื่อนซี้จะรู้ใจ เลยขี่มาอยู่ด้านหลังและเปิดไฟสูงให้ เพราะเพื่อนบอกว่าตาไม่ดีตอนกลางคืนมองไม่ค่อยเห็นด้วย จึงใช้ไฟท้ายเราเป็นตัวนำ แล้วก็บี้กันมาติดๆอย่างสนุกสนาน มาสารภาพทีหลังว่าเสียวหลัง เพราะมันมืดมาก กลับถึงเชียงใหม่ราวสองทุ่มกว่า รีบบึ่งเข้าบ้านเพื่อน เก็บกระเป๋าไปสนามบินโดยด่วน เด๋วตกเครื่องอีกเหมือนขามา แต่คราวนี้ถ้าตกคืนนี้ก็หมดโอกาสแน่ เพราะเที่ยวสุดท้ายของวันแล้ว จบทริปด้วยความม่วน ถึงแม้จะเป็นทริปสั้นๆ แต่ระยะทางไม่ได้สั้นเลย กว่า 500 กิโลเมตร ได้ลองของสมใจจริงๆ

ขอบ่น...ระหว่างที่ขี่รถฝ่าความมืด พบว่ารถที่สวนมาล้วนแต่เปิดไฟสูง สาดมาในโค้งหรือพ้นเนินยังพอให้อภัย แต่บางคันก็เห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซด์สวนไป แต่ไม่ยอมลดไฟลงเลย โดนแสงไฟสาดเข้าตาแต่ละทีตาแทบบอด เซ็งสุดๆอีกเรื่องนึง

อ่านเรื่องราวเดียวกันนี้ได้อีกที่ใน stormclub ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552

ทริปแรกกับหนูดี ขี่สองล้อ...ไปบางแสนไบค์วีค 8/11/51

หลังจากเพิ่งตัดสินใจกลับมาขี่รถมอเตอร์ไซด์ ถอยหนูดี (Kawasai Dtracker-KLX250)มาได้ซักพัก ก็เกิดความอยาก...ขี่เที่ยว ได้ข่าวงานบางแสนไบค์วีค...ไปๆๆๆ ไป... ในชีวิตก็ไม่เคยไปงานแบบนี้มาก่อนด้วย อยากเห็น ตอนแรกกะจะขี่ไปคนเดียว อยากออกแต่เช้า ก๊วนหนูดีคุยกันในเวปว่าจะออกเก้าโมง เราว่าสายไปหน่อยและเราเป็นคนไม่ชอบรอคน แต่คุยไปคุยมา...เอาก็ได้ ลองดูว่าไปด้วยกันเยอะจะเป็นไง

นัดกันที่ปั๊ม ปตท.อุดมสุข เวลา 9.00น. ล้อหมุน 9.30น รวมสมัครพรรคพวกได้ 9 หนูดีกับอีก 1 นินจา



วิ่งออกบางนาตราด วิ่งช่องทางด่วนตลอด แต่พอพ้นสุวรรณภูมิไปทางก็เหลือสองเลนส์มั่งสามเลนส์มั่ง ด้วยความที่หนูดีทำความเร็วสุดๆแบบตามลมได้แค่ 130km/hr ทำให้เวลาจะแซงแต่ละทีหงุดหงิดหัวใจ เพราะมันจะไปตีคู่คี่ ต้องลุ้นตลอด แถมยังมีแต่รถใหญ่ซะอีกด้วย ก่อนถึงทางเลี่ยงเมืองก็รู้สึกได้แล้วว่ารถมันร่อนๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเข้าเลี่ยงเมือง มีคนขี่นำเข้าไปในปั๊มน้ำมัน เอ้า...พักกันซักหน่อย


อ้าว...ยางแบน งานเข้าซะแล้ว เจ้าสกรูเจ้าปัญหาตัวนี้เอง


ขี่อยู่นานกว่าจะเจอร้านยาง ต้องขอบคุณเพื่อนตี๋ (เสื้อลายเขียวขาว)ที่ลงทุนถอดล้อให้ ตอนแรกร้านยางจะไม่ยอมทำให้ บอกว่ากลัวกะทะล้อเป็นรอย อ้อนอยู่ซักพักก็โอเค


สภาพรถหลังถอดล้อ และยางในที่ซ่อมไม่ได้ เพราะหลายรูเหลือเกิน


นัดเจอกับ biker บางแสนที่หน้า BiG C แล้วก็เคลื่อนขบวนต่อไปยังชายหาดบางแสน เพราะมัวแต่เปลี่ยนยางรถนานไปหน่อย โครงการขี่เล่นในเขาเขียวจึงเป็นอันต้องพับไป นั่งเล่นริมหาดซักพัก เพราะกว่างานจะเริ่มก็บ่ายแก่ๆ ขี่เข้าไปร่วมงานราวสี่โมงกว่า ตื่นตาตื่นใจกับรถหลากรูปแบบหลายยี่ห้อ ทั้งชอปเปอร์ สปอร์ต โมตาด ทัวร์ริ่ง คัสตอมไบค์ต่างๆ เกินบรรยายจริงๆ ตัวเองไม่เคยได้ไปงานไบค์วีคมาก่อนเลยตื่นตาตื่นใจน่าดู


ขี่เข้างาน

จริงแล้วเค้ามีให้เข้าขบวนขี่รอบเมือง รู้สึกแปลกๆ แห่อะไร แห่ทำไม เลยไม่เอาอีกว่า...ว่าแล้วก็หาที่จอดเดินชมดีกว่า


หลากหลายรูปแบบ...ทั้งมังกี้และชาลีก็มา



ริ้วขบวน...แห่รอบเมือง



ไม่เหมือนอยู่เมืองไทยเลย...



เข้าใจคิด



ก้านยาว



งานนี้มาเพื่อโชว์โดยเฉพาะ...HD รุ่นลายคราม




โชว์สตันท์ด้วยรถออโตเมติก



จบทริปแล้วจ้า


รีบบึ่งกลับมาทำงานต่อ ไม่ได้อยู่ดูงานกลางคืนอีกเช่นเคย มีพลพรรคร่วมขับกลับรวมทั้งหมด 3 คัน บิดหมดปลอกเหมือนเคย กลับถึงกรุงเทพทุ่มกว่า อาบน้ำอาบท่า ถึงที่ทำงานก็เกือบสองทุ่ม ม่วนหลายๆ ค่ะ

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552

ไหว้พระอยุธยา และ สุพรรณไบค์วีค 28/2/52

วันนี้มีงานสุพรรณไบค์วีด เพื่อน biker จากเชียงใหม่โทรมากริ้งกร้างให้ไปหา งานมีตอนกลางคืน...แต่ตัวเองมีธุระตอนค่ำจึงนัดกันแค่กินข้าวกลางวันกลางทางแล้วกลับก่อนไม่ได้ไปงานที่สุพรรณ และที่สำคัญอยากเจอพี่ biker ผู้หญิงคนหนึ่งที่มาจากอ่างทองมากๆ

ออกเดินทางเกือบแปดโมงนัดกับคู่หูที่ปั๊มเดิม ปตท.รังสิต (ปั๊มที่สองเลยจาก ม.ธรรมศาสตร์รังสิต)กินข้าวเช้าเอาแรง ทริปนี้ขี่หนูดีไป แล้วก็ไปเปลี่ยนเป็นขี่ BMW R1200GS กันที่ปั๊ม เดินทางมาถึงอยุธยาราวเก้าโมงกว่า โทรไปหาก๊วนเชียงใหม่ เพิ่งถึงนครสวรรค์ จึงตกลงปลงใจแวะวัดไหว้พระก่อนดีกว่า

วัดแรกที่แวะคือ วัดพนัญเชิงวรวิหาร(วรวิหาร หมายถึง ระดับชั้นของพระอารามหลวง) เรียกกันเป็นสามัญว่า หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง เป็นวัดดังที่ใครๆมาก็ต้องแวะ ดังนั้นบางวันคนจะเยอะมากซะจนแทบจะเข้าไปในโบสต์ไม่ได้ เป็นวัดที่มีมาแต่โบราณ ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 14 เมตรเศษ สูง 19 เมตร พระพุทธรูปองค์นี้ ชาวจีนนับถือมาก เรียกว่า "ซำปอกง" แปลว่า รัตนตรัย คนไทยทั่วไป เรียก "หลวงพ่อโต" หรือ "หลวงพ่อพนัญเชิง" เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ลงรักปิดทองในสมัยอู่ทอง องค์หลวงพ่อได้รับการบูรณะซ่อมแซมตลอดมา ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และรัชกาลที่ 4 ทำการซ่อมแซมใหม่ทั้งองค์ แล้วถวายพระนามว่า "พระพุทธไตรรัตนายก"


ออกจากวัดแรกจึงมุ่งหน้าไปยังวัดใหญ่ชัยมงคล แต่ระหว่างทางก็เกิดเหตุเล็กน้อย ขณะที่ขี่อยู่ข้างหน้าก็มีรถโตโยต้าวีออสป้ายแดงกำลังขับข้ามทางรถไฟด้วยความเร็วที่ช้ามากๆ เหมือนกำลังหาอะไรอยู่ สังเกตุทางซ้ายมือมีร้านอาหาร แต่เราคิดไปแล้วว่าเค้ากำลังจะหักซ้ายเพราะเห็นเค้าหันหัวออกซ้ายนิดๆ เราก็เลยออกขวา พอเค้าได้ยินเสียงแตรจากข้างหลังเราอีกทีปุ๊บเค้าจอดเลย เวรกรรมซิคับ...เบรคไม่อยู่ แล้วที่หักขวาไว้มันยังไม่พ้น ทำให้กันชนครอบเครื่องด้านข้างไปชนอะดิ รถเราล้มไปทางขวา ตัวเราไปกระแทกกับรถตู้ ก็ได้เลือดเล็กน้อยปากแตกกับหน้าแข้งช้ำนิดหน่อย คนขับรถเค้าก็ดีลงมายอมรับผิด แต่มีผรั่งนั่งมาด้วย มันเดินมาเลย หาว่าเราจะกลับรถกลางถนน(ถนนสองเลนส์สวน) บ้าป่าววะ...ใครจะกลับรถตรงทางลาด แถมกลับจากกลางถนนอีก แล้วรถก็เท่าควาย ถ้าเทียบกับตัวเรา ก็เลยมีจี๊ด...ยืนด่ากันอยู่ แค้นไอ้ฝรั่งมากๆ ถ้าเรียกประกันเราก็ผิดล่ะ เพราะมันเป็นการชนท้าย แต่สุดท้ายผู้หญิงคนขับเค้ายอม และเราก็บอกให้ฝรั่งมาขอโทษที่ปรักปรำเราตอนแรก แล้วก็แยกกันไป หลังจากตรงนี้เราก็เลยกลับมาขี่หนูดีอีกครั้ง ส่วน BMW ไม่เป็นอะไรมาก ถลอกเล็กน้อยเท่านั้น (ตอนแรกก็ดูห่วงใยเราดี ไปๆมาๆเหมือนจะห่วงรถไงไม่รู้ -_-")

เที่ยวต่อวัดที่สอง...วัดใหญ่ชัยมงคล

เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่าที่ตำบลหนองสาหร่าย เมืองสุพรรณบุรี ทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ การสร้างพระเจดีย์อาจสร้างเสริมพระเจดีย์เดิมที่มีอยู่หรืออาจสร้างใหม่ทั้งองค์ก็ได้ ไม่มีหลักฐานแน่นอน ขนานนามว่า “พระเจดีย์ชัยมงคล” แต่ราษฎรเรียกว่า “พระเจดีย์ใหญ่” ฉะนั้นนานวันเข้าวัดนี้จึงเรียกชื่อเป็น “วัดใหญ่ชัยมงคล” วัดนี้ร้างไปเมื่อคราวเสียกรุงครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ยังมี วิหารพระพุทธไสยาสน์ สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวร เพื่อเป็นที่ถวายสักการะบูชาและปฏิบัติพระกรรมฐาน ปัจจุบันมีการสร้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีผู้นิยมไปนมัสการอย่างสม่ำเสมอเป็นจำนวนมาก ภายในวัดนี้ใหญ่และร่มรื่นมากค่ะ มีหลายๆส่วนให้เดิน เดินให้ทั่วๆนะคะ

ตัวเองเคยไปทำงานอยู่อยุธยานี่ถึงหนึ่งปี ชอบมากๆกับโบราณสถานเหล่านี้ ขับรถไปดูไฟกลางคืน ยังมีวัดอีกมากมาย สนใจลองดูในแผนที่นี้นะคะ

จากอยุธยามุ่งหน้าสิงห์บุรี กว่าเที่ยงหิวข้าวแล้ว จากอยุธยาไปสิงห์บุรีราว 60km นัดกินข้าวกันที่แพลุงชุบ ข้างวัดตราชู ไอ้ตอนบอกทางก็ได้ยินไม่ชัด ...จำได้ว่าอะไรชูๆนี่แหละ รู้ว่าวิ่งสายหลักไปเรื่อยๆ พอถึงสิงห์บุรีก็งัด GPS มาดูและก็วิ่งตามไป ถึงทางเข้าวัดแล้วเห็นแต่ป้ายร้านกุ้งเผาทองชุบซะงั้น ดู GPS พาอ้อมไปอีกทางเป็นทางลูกรัง ในที่สุดก็ถึงร้านจนได้ แต่จริงแล้วทางเข้าคือเข้าไปทางเดียวกับวัดนั่นแหละ


เดินเข้าร้านด้วยความหิวโหย เจอะเจอ biker เชียงใหม่และเจ้าถิ่นก๊วนหนึ่งรวมๆกว่าสิบคน เป็น chopper ซะส่วนมาก และก็พี่กุ้ง Biker จากอ่างทองขี่ Er-6n สีส้มแปร้ดมาเลย กินกุ้งแม่น้ำกันซะเปรม ตอนแรกพี่กุ้งจะเป็นเจ้ามือ แต่หมอเจแอบชิงตัดหน้าจ่าย และเราก็ได้เอา Er-6n มาลิ้มลอง แต่ออกไปลองแบบไม่ได้ใส่หมวกกันน็อด เลยทำความเร็วได้แค่ 100 กว่า ไม่ไหวแสบตาชะมัด


พระพุทธรูปขนาดใหญ่ในวัดพิกุลทอง


กินเสร็จก็เตรียมเคลื่อนขบวน ไปแวะวัดพิกุลทองกัน แล้วเราก็แยกกลับกันสามคน คือ D-tracker, Er-6n และ BMW R1200GS เรากลับถึงกรุงเทพราวสี่โมง กว่าจะถึงบ้านก็ห้าโมงกว่า นัดเพื่อนไปจะงานแต่งงานให้มารับ 6 โมงเย็น โชคดีที่เพื่อนมาเลท ไม่งั้นไม่ทันแน่เลยเรา


สามคันที่แยกกลับก่อน


เก็บตกภาพบรรยากาศสุพรรณไบค์วีคที่ไม่ได้ไป 28/2/52


รวมตัวกันที่ปั๊ม




รถในหลากหลายรูปแบบ


สามารถอ่านเรื่องสุพรรณไบค์วีดอีกหนึ่งอารมณ์ได้จากเวปพันทิพย์ ที่นี่

ขอบคุณผู้สนับสนุนรูปภาพ koonae