วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เที่ยวอีสาน...ขี่รถไปชมวัดกับก๊วน BMW bikers of Thailand และสัมผัส KTM 990 Adventure

ครั้งแรก (อีกแล้ว) กับการขี่รถไปเที่ยวอิสาน รู้ๆ กันอยู่ว่ามีโค้งให้เล่นน้อยมาก แต่สิ่งที่ดึงดูดใน เพราะเป็นการขี่รถไปเที่ยววัด ^^ ไม่รอช้าตอบตกลงทันที ทริปนี้มีจุดมุ่งหมายหลักอยู่ที่วัดภูทอก ซึ่งอยู่ในจังหวัดหนองคาย ซึ่งจากภาพที่ไดเห็นมานั้น มีความงดงามมากมาย และอีกเรื่องแปลกใหม่ ก็คือ ได้ลองขี่ KTM 990 Adventure ตลอดทริปค่ะ (เป็นรถจากบริษัทคุณค่าคอปอเรชั่น คือบริษัทตัวแทนจำหน่ายประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

ออกเดินทางกันเลยค่ะ ^^



ปล. เอารถเขามาขี่ ก็ต้องให้เครติดพูดถึงรถเขามากหน่อยนึงนะคะ

นัดกันที่ปั๊ม ปตท. ถนนพหลโยธิน เลยแยกอยุธยาไปหน่อย มาถึงเป็นคันแรก ไม่เจอใคร เลยขี่ไปดูปั๊มหน้าก็ไม่มี ขี่ไปขี่มาอยู่สองสามรอบ ก็เจอคนอื่นๆ เริ่มทยอยๆ มาให้อุ่นใจ ว่าไม่ได้มาผิดปั๊ม



เฮียบุ้ง มาด้วย R1150GS รุ่นถังอูฐ รุ่นสร้างชื่อ ทน อึด และปัญหาน้อยที่สุด เพราะเป็นรุ่นสุดท้ายที่ยังไม่ได้ยัดอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกเข้าไป



สีส้มของ KTM ที่สวยแสบบาดตาบาดใจเจงๆ



on site service

ชุดช่างของ KTM ที่ให้มา ครบถ้วน ทำให้สามารถดูแลรถได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าคนที่ซื้อไปจริงๆ จะได้ครบแบบนี้หรือเปล่า...



เดินทางออกจากกรุงเทพ 8 คัน มี 2 คันเป็น KTM ที่เหลือ BMW ล้วน นะ...ก็ขึ้นหัวว่าไปกับ BMW riders of Thailand นี่นา ก็ถูกแล้วชิมิ



KTM อีกรุ่น ที่ร่วมทางไป คือ supermoto 990 รถโมตาดเครื่องโต ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับเดินทางไกล จึงทำให้มีปัญหาเรื่องปั๊มน้ำมัน ที่ต้องเติมบ่อยหน่อย (ถังจุ 15 ลิตร) และชิ้นส่วนของรถ ที่ต้านลม ทำให้มีอาการส่วนเล็กน้อยเวลาวิ่งที่ความเร็วสูง ( 160 km/hr up)



KTM 2 คัน 2 รุ่น

ไม่ว่าจะใช้รถอะไร ก็ยังคงคอนเซปเดิม มันสัมภาระติดหลังรถเอา 555 เรียกว่าเชี่ยวชาญเรื่องมัดกันไปเลยทีเดียว



แวะเติมน้ำมันเป็นระยะๆ เหล่าบรรดา BMW R1200GS, GSA บ้าง ได้เปรียบกันไป ถังน้ำมันใหญ่ๆ ทั้งนั้น ^^ ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นภาระเลย ขอบคุณพี่ๆ ทั้งหลายที่ต้องจอดรออย่างไม่ปริปากบ่นเลยนะคะ เอ...หรือพี่ๆ บ่น แต่เราไม่ได้ยินหว่า



มุ่งหน้าออกจากปั๊มจอดแวะแรก



ยุทธ “ขี่แล้วย้วยๆ ไงไม่รู้”
หมอ “จะไม่ย้วยได้ไง ยางแบนแล้วค้าบพี่น้อง แบนแต๊ดเลยด้วย”

โชคดี...มีร้านปะยางอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นเลย แต่ปรากฎว่าไม่มีบล๊อคขนาดน็อตล้อ ทำให้ต้องปะหนอนไม่ได้ปะสตีม



ขี่พ้นสระบุรีไป ทางก็โล่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขี่กันสบายๆ



คนนำขบวนคือ เฮียบุ้ง ถามๆ ใคร พูดกันอย่างไม่อาย...ไม่รู้หรอกว่าจะไปไหน รู้แค่ว่าขี่ตามๆ กันไป เดี๋ยวก็ถึงที่หมาย

ใครขี่เร็วก็ไปก่อน ใครขี่ช้ากว่าก็ค่อยๆ ตามมา ไม่ต้องเร่งตัวเองให้หมดสนุก ถึงทางแยกก็จอดรอกัน ^^ เป็นระยะๆ



ระหว่างจอดรออีกคัน...ที่ขี่มาเจอกันกลางทาง



คันนี้ ทำกระเป๋าตกหายไปข้าง ติดแค่ข้างเดียว...ก็ขี่ได้ อยากถาม...แต่ไม่ได้ถาม ว่าเวลาขี่บาลานซ์มันแย่ลงหรือเปล่า



อาหารมื้อกลางวัน ร้านบะหมี่กลางเมืองร้อยเอ็ด ร้านบะหมี่จังโก้ มื้อนี้...เฮียบุ้งเลี้ยง อิ่ม อร่อย และประหยัด เพราะร้อยเอ็ดเป็นถิ่นของเฮีย ขอบคุณค่ะ



จากร้อยเอ็ด มุ่งห้าสู่มุกดาหาร ผ่านช่วงเขา(ไม่ทราบชื่อ) ให้ได้เล่นโค้งกันพอหอมปากหอมคอ ทำให้ได้ลองรถ KTM ในช่วงโค้งแคบบ้าง



แม้รถจะสูง ยางกึ่งมัด และไม่มีระบบไฟฟ้าช่วย (แต่มี ABS นะคะ) สำหรับมือใหม่อย่างแหวว ที่ลองๆ ดู ก็ถือว่าการตอบสนองดีค่ะ แม้จะเบรคจนท้ายปัด แต่ก็ไม่ได้ทำให้รถสะบัดจนเหวอแต่อย่างใด (น่าจะเป็นเพราะน้ำหนักคนขี่น้อยกว่ามาตรฐานสปริงรถให้มา)

ที่พักของเราคืนนี้คือ ปร๋อหร๋อรีสอร์ท ซิ่งเป็นของพี่ชาตรี หนึ่งในผู้ขับขี่ร่วมทริปนี้ด้วยค่ะ ถึงที่พักราวๆ 6 โมงเย็นพอดี ถึงช้า...เพราะระหว่างทางพักบ่อย ^^ ไม่รีบๆ



ภายในรีสอร์ทมีห้องพักหลายแบบให้เลือก ราคาย่อมเยาว์ อากาศดี มีการทำนาภายในรีสอร์ให้ดูด้วย



เพิ่งถอยกล้องมาใหม่เพื่อทริปนี้โดยเฉพาะ แทนที่ทำตกไปในทริปก่อน T_T

Panasonic Lumin Lx-3 ชิ้นส่วน Lens Leica คู่แฝดกับ Leica D-Lux-4 เหมือนกันเปี้ยบ ภาพเป็น jpg file แต่ให้สีออกมาได้ใสดีค่ะ ไม่รู้ว่าภาพจากตัว Leica จะสวยกว่านี้รึเปล่า แค่นี้ก็โอแล้ว ^^



ภาพ Macro ใช้โหมด Auto ล้วนๆ เพราะคู่มือไม่ละเอียดเลย ยังปรับอะไรไม่ค่อยเป็นค่ะ



อาหารการกินในคืนนี้ เรียกว่าเต็มที่กันเลยทีเดียว ^__________^



จากมุกดาหาร วันถัดมาจุดหมายแรก วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จังหวัดนครพนม วันนี้เรามีรถร่วมทางเพิ่มเติมจาก 8 เป็น 18 คัน



วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนชยางกูร บ้านธาตุพนม ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม มีลักษณะเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ กว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.6 เมตร มีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้น องค์พระธาตุตั้งอยู่บนภูกำพร้า (เนินดินสูงจากพื้นธรรมดาประมาณ 3 เมตร) ภายในบริเวณมีบึงขนาดใหญ่เรียกว่าบึงธาตุพนม ในวันเพ็ญเดือน 3 ถึง แรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปีจะมีงานประจำปีเพื่อเป็นการนมัสการพระธาตุพนม



เมื่อปี พ.ศ. 2485 วัดพระธาตุพนมฯ ได้รับการยกฐานะเป็น พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2518 เวลา 19.38 น. ด้วยเหตุที่มีฝนตกพายุพัดแรงติดต่อมาหลายวันและความเก่าแก่ขององค์พระธาตุ พระธาตุพนมจึงได้ล้มทลายลงมาทั้งองค์ ประชาชนทั้งประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุ ขึ้นใหม่ตามแบบเดิม การก่อสร้างนี้เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522 นอกจากจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระธาตุดั่งเดิมแล้ว ยังมีของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้นบรรจุและประดับไว้ในองค์พระธาตุอีกด้วย โดยเฉพาะฉัตรทองคำบนยอดพระธาตุ ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 110 กิโลกรัม



อีกมุมหนึ่ง




จะเอา F800GS ใส่กล่องเต็มอัตราแบบนี้ ก็กลัวขี่จะต้านลม ^^ แหม แต่ติดกล่องเต็มแล้วก็เท่ห์ไม่แพ้ R1200GS เลยนะคะ



จุดมุ่งหมายต่อไป ตอนแตกจะไปแวะทานข้าวกลางวันกันที่ริมโขงในร้อยเอ็ด แต่เจ้าถิ่นคนนำเกิดเปลี่ยนใจ พาไปกินระหว่างทางมุ่งหน้าไปหนองคายระหว่างแวะเติมน้ำมัน คงจะหิว...จกมะม่วงเด็กปั๊ม หม่ำกันซะงั้น ^^

พี่ชาตรี คนที่ยืนใส่แว่นดำสุดเท่ห์ เจ้าขอปร๋อหรอรีสอร์ท ใครผ่านแวะไปใช้บริการได้ค่ะ



กว่าจะถึงร้านอาหาร ก็เล่นเอาหลงๆ เลยๆ กันไปจนงง เพราะรถเยอะ ขบวนยาว



HD ก็มาด้วย



อากาศร้อนมากๆ ถึงร้านอาหาร ทุกๆคนก็ รีบ...แก้ผ้า ให้เหลือน้อยชิ้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ อิอิ



ส้มตำ...อาหารประจำชาติ ไปไหนๆ ก็ต้องมี แต่จะว่าไป มันก็เป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ เพียงแต่ถ้าไปเจอร้านที่ไม่สะอาด ก็อาจต้องวิ่งจู้ดเข้าห้องน้ำเป็นการด่วนได้นั่นเอง



ร้านอาหารแถวนี้ มีของเล่นทางน้ำไว้บริการด้วย คือ เรือกล้วย และ โดนัท กินข้าวไป ก็มีเสียงเด็กร้องวี้ดว้ายระงมไปหมด



เด็กๆ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน อยากเล่นบ้าง แต่กลัวว่าถ้าไม่ได้อาบน้ำ กลิ่นคงจะตุๆ ไปทั้งวัน



และแล้ว...เราก็มาถึงวัดภูทอก เพราะอากาศร้อน และ ทราบว่าต้องเดินขึ้นไปบนภูเขา ไม่รอช้า ถอดๆๆๆ ทันที



จอดเรียงราย



บริเวณด้านล่างของวัด



สังเกตทางขวามือของภาพ...จะมีหินก้อนเล็กก้อนหนึ่งวางอยู่ ใครอยากรู้ว่าสิ่งที่เราหวังไว้จะสำเร็จหรือไม่ สามารถเสี่ยงทายได้ โดยให้อธิฐาน 2 ครั้ง โดยตั้งคำตามสลับคำตอบ เพื่อให้ยกหินขึ้นและไม่ขึ้นสลับกัน

เรียกว่าต่อคิวกันทำเลยทีเดียว



มองขึ้นไปด้านบนของวัด จะเห็นทางเดินรอบๆ เขาหิน ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น น่ายกย่องมนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างเราๆ ที่มีศรัทธาอันแรงกล้า ในการสร้างสิ่งเหล่านี้ แต่ที่น่าประหลาดใจกว่านั้น คือ วัดนี้ สร้างมากว่า 20 ปีแล้ว



เริ่มเดินขึ้น...มีผู้ร่วมชะตากรรมเดินขึ้น 6 คน ที่ขึ้นไปจนถึงอย่างน้อย ชั้น 5



สูงเอาเรื่องเลย...เล่นเอาลิ้นห้อยเกือบถึงพื้น ^^



วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) เป็นวัดสายพระป่า โดย พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ (มรณะภาพแล้ว)

ตั้งอยู่ที่บ้านคำแคนพัฒนา ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดหนองคาย
มีขนาดความสูง โดยวัดจากฐานถึงยอด 460 เมตร มีบันไดเรียงขึ้นตามชั้นต่าง ๆ 7 ชั้น และฐานชั้นที่ 6 วัดโดยรอบได้ 800 เมตร เป็นหน้าผาสูงชัน



เมื่อขึ้นไปถึงด้านบน ก็จะได้พบกันทัศนียภาพที่สวยงามแบบนี้ ทางเดินที่ทำขึ้นจากไม้ สร้างรอบภูเขาหิน ให้เป็นทางเดินได้โดยรอบ



มองลงไปด้านล่าง จริงๆ แล้วมีทางขึ้นสู่ชั้นต่อชั้นได้หลายทาง เมื่อเดินขึ้นมาจากด้านล่าง จะมาพบกับวิหารที่ชั้น 5 โดยจะมีทางเดินต่อขึ้นไปเพื่อชมวิวที่ชั้น 6 และ 7 ได้ ซึ่งทุกๆ ชั้น จะมีทางเดินที่สามารถเดินได้รอบๆ ภูเขาหิน



ลักษณะทางเดินไม้



พุทธวิหาร



พวกที่นั่งรอ...สภาพเหนื่อยเหมือนขึ้นไปด้วยกันเลย คิคิ



เจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ



ออกจากวัด หลงกันอยู่ 2 คัน ^^ ผิดที่ข้าน้อยเอง ยังกลับรถไม่คล่อง เวลาจะกลับรถทีต้องหาที่กว้างขวางหน่อย กลับมาอีกทีหายไปกันหมด



คืนที่ 2 พักกันที่อุดรธานี ออกไปทานข้าวกันที่ร้านอาหารชื่อ คีตกวี พี่เจ้าของร้านก็เป็นสิงห์มอเตอร์ไซด์เหมือนกัน

พี่เจ้าของร้านกับแฟนน่ารักมาก ต้อนรับอย่างดีเลยค่ะ อาหารอร่อย...ที่สำคัญ เพลงเพราะมาก เป็นวงเพลงเพื่อชีวิตที่ใหญ่มาก เรียกว่าอลังการเลยค่ะ



เช้าวันที่ 3 ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน บางส่วนกลับมุกดาหาร ที่เหลือกลับกรุงเทพ แบ่งเป็น 2 สาย สายเฮียบุ้ง ยิงยาวกลับกรุงเทพ ส่วนแหวว แยกกลับมากับพี่ตุลย์ทางเพชรบูรณ์ เพราะทริปนี้ส่วนใหญ่เป็นทางตรง จึงอยากมาหาโค้งเล่นซักหน่อย

ซึ่งพี่ตุลย์ก็ตามใจน้องๆ อุตส่าห์พาไปทางสวยๆ แถวๆ หล่มเก่า (^/|\^) ขอบคุณค่ะ



ถนนดี วิวสวย มีโค้งให้เล่น แถมไม่มีรถวิ่งซักเท่าไหร่ ...สุโค่ย !!!



T_T น่าเศร้านิดหน่อย ที่มองไปทางไหน ก็มีแต่...ล้านเลี่ยนเตียนโล่ง ภูเขาหัวโล้นทั้งนั้น



แวะกินมื้อกลางวันกันที่ร้านบุญมีขนมจีน ของดีประจำจังหวัด พี่ตุลย์บอกว่าร้านนี้อร่อยสุด

สีของขนมจีน...เป็นสีธรรมชาติ สีม่วงมาจากดอกอัญชัญ สีเหลืองมาจากฟักทอง สีชมพูมาจากบีทรูทหรือแก้วมังกรแดง



ร้านอาหารสะอาดสะอ้านดีค่ะ บริการรวดเร็วทันใจ นั่งปั๊บ ขนมจีนวางปุ๊บ ^^



จากจุดนี้ไป เจ้า KTM supermoto เกิดอาการงอแง ยางรั่วอีกครั้ง จริงๆ แล้วนี่เป็นครั้งที่ 3 (ครั้งที่ 2 รั่วหน้าวัดพระธาตุพนม) ช่างเป็นความโชคดีเหลือเกิน ที่รั่วที่ไร ก็ไม่ไกลจากร้านปะยาง คราวนี้รั่วหน้าร้านเลยด้วยซ้ำ

ร้านนี้ก็ไม่มีบล๊อคถอดน็อตล้ออีกเช่นเดิม คุ้ยถุงอุปกรณ์ติดรถที่มี ปรากฏว่ามีประแจสำหรับถอดน็อตล้อมาให้ T_T ทำไม BMW ไม่ให้บ้างนะ ต้องเสียตังค์ซื้อเพิ่มเองหง่ะ

ตลอดทริปนี้ KTM 2 คันนี้เป็นตัวปัญหาจริงๆ ทำให้ช้าได้ตลอด เดี๋ยวหลง เดี๋ยวของหล่น เดี๋ยวยางรั่ว เดี๋ยวจอดถ่ายรูป เกรงใจพี่ตุลย์เป็นอย่างมาก จึงร่ำรากันตรงนี้ ก่อนจากพี่ตุลย์บอกทางให้ไปเล่นโค้งที่เขาค้อให้ ว่าไปทางไหน ^^



ผลปรากฏว่า...เมฆฝนตั้งเค้าทะมึนมาให้เห็น แถมมีฟ้าแล่บอีกต่างหาก ลมก็แรงมากจนรถเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ขวาเขาค้อ ซ้ายน้ำหนาว เลยตัดใจ ไม่เอาดีกว่า
โอกาศหน้าฟ้าใหม่ยังมี





จึงวิ่งเข้าเพชรบูรณ์ มุ่งหน้ากลับกรุงเทพ ขอแนะนำให้วิ่ง 21 เลี่ยงเมืองนะคะ ถนนโล่งและดีมาก



ความซนก็ทำให้เปลี่ยนแผนกระทันหัน ตัดสินใจไปค้างเขาใหญ่เพิ่มอีกซักคืน ^^ เรื่องเปลี่ยนแผนที่ถนัดนัก



ระหว่างทางขึ้นเขาใหญ่ ก็ได้เห็นว่ามีการทำถนนให้ใหญ่ขึ้น คิดว่าไม่ได้มีความจำเป็นเลย ทำๆไมกัน T_T เสียดายต้นไม่ใหญ่ๆ ที่ต้องถูกตัดทำลายไปยิ่งนัก

ฟ้าเริ่มมืด ฝนเริ่มโปรยปราย เพราะไม่เคยนอนโรงแรมแถวนี้มาก่อน และไม่เคยหาข้อมูล คิดหนักละทีนี้ จะนอนไหนดีหว่า

ขี่ไปเรื่อย จนถึงทางขึ้นเขาใหญ่ เห็นดงป้ายที่พักทางฝั่งซ้ายมือ จึงเลี้ยวตามเข้าไป สุดท้ายมาจบลงที่ Chateau De Khaoyai เข้าไปด้วยความงง เพราะประตูรีสอร์ทเหมือนประตูหมู่บ้าน แต่เห็นป้ายร้านอาหาร จึงจอดถามยาม ถึงได้รู้ว่าเป็นรีสอร์ท เอาที่นี่แหล่ะ ฝนตกและมืดแล้ว





ตื่นเช้ามาด้วยความสดใสร่าเริง ในรีสอร์ทมีจักรยานบริการฟรี

ตึกที่เห็น กำลังมีการถ่ายละครกันอยู่ เห็นอั้ม อธิชาติ (มั้ง) แบบลิบๆ คนไรขาวชะมัด -_-‘ โอโม่จริงๆ

รีสอร์ทนี้มีมาถ่ายทำละครหลายเรื่องแล้ว เช่น เชลยศักดิ์ ปราสาทมืด เพราะตึกมีการและการตกแต่งเป็นแบบยุโรป



สระว่ายน้ำ ที่เรียกร้องจะหาที่พักที่มีให้ได้ เพราะเมื่อวานร้อน อยากแช่น้ำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้บริการ



ร้านกาแฟ ในรีสอร์ท



วิวจากตึกด้านหน้าสุด อลังการมั่กๆ ^^ แต่เมื่อคืนตอนเข้ามามืดตึ้ดตื๋อ หลอนแบบอลังไปอีกแบบ แถมเราเป็นแขกเพียงชุดเดียวเมื่อคืน



แอบถ่ายเจ้า KTM 990 Adventure วันนี้จะเป็นวันที่เราต้องจากกันแล้ว การลองรถสิ้นสุดลง พูดได้เต็มเสียงว่า เป็นรถที่ขี่สนุกมาก ใส่แอ็คชั่นได้เต็มที่ เลยค่ะ ^^ (แต่ก็ไม่ได้ซ่าส์มากนัก เพราะรถมะใช่ของเรา ทำล้มมา เด๋วจะกระเป๋าแบนกันละงานนี้ เรียกว่าพอหอมปากหอมคอค่ะ)



ขากลับ...ขึ้นเขาใหญ่ ลงทางปราจีนบุรี เพื่อย่นระยะทาง

บรรดาลิงเจ้าถิ่นที่ลงมานั่งบนถนนอย่างไม่กลัวรถรา น่าเสียวไส้เป็นที่สุด



บรรดาลิงแม่ลูกอ่อน...ดูแล้วน่ารักมาก



ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ ราวๆ บ่ายโมง แล้วก็ต้องรีบบึ่งไปทำงานต่อ ^^ จบทริปด้วยระยะทาง 2000K+ หนุกหนานมากมาย



พันเสียงเล่า ไม่เท่าหนึ่งสัมผัส ได้ยินกิตติศัพท์มากมายเกี่ยวกับพี่ๆ กลุ่มนี้ พอได้มาสัมผัสแล้ว พี่ๆ แต่ละคนน่ารักมากๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับการดูแลตลอดเส้นทาง และการรอคอยอย่างอดทนต่อ 2 ตัวจี้ด ที่มีเรื่องทำให้ล่าช้าได้ตลอดทริป



มีถ่าย clip ไว้สั้นๆ เลยลองมาทำ slideshow + clip เป็น VDO สั้นๆ ให้ดค่ะ

ขอบคุณพี่ๆ ทุกๆ คนค่ะอีกครั้งค่ะ