
ถึงหลวงพระบาง ราวๆ 3 โมงเย็น ยังไม่ทันได้อาบน้ำอาบท่า (เพราะรอรถเซอร์วิสขนกระเป๋าเสื้อผ้ามาให้) ก็ตั้งวงกันหน้าโรงแรมแล้ว

ตั้งวงหน้าโรงแรมทุกเย็น

เพื่อนคู่ใจทุกค่ำคืน เบียร์ลาวหาง่ายที่สุด และดูเหมือนคนลาวเองก็ไม่ค่อยจะดื่มอย่างอื่นเสียด้วย แต่สามารถหาซื้อโซจูเกาหลีได้ตามร้านขายเฝอ ...เป็นงง

ค่ำคืนแรก พวกเราไปเดินเที่ยวที่ตลาดมืด เป็นตลาดที่ขายของยามค่ำคืน เหมือนถนนคนเดินที่เชียงใหม่บ้านเรา

เช้าวันที่ 2 เหล่าสิงห์นักบิด ก็ถูกต้อนขึ้นรถทัวร์ เพื่อเที่ยวชมเมือง สถานที่แรกที่แวะ...พิพิธัณฑสถานแห่งหลวงพระบาง

ฟังไกด์อธิบายเรื่องราวความเป็นมาของหลวงพระบางและพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ได้ถูกเปลี่ยนแปลงมาจากพระราชวังหลวงพระบาง ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ อันเก่าแก่ของเมืองหลวงพระบาง
พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1904 เพื่อเป็นที่ประทับของพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงค์
ลักษณะ เป็นศิลปะแบบลาวผสมฝรั่งเศส มีแผนผังเป็นรูปกากบาท และ สร้างฐานซ้อนกันหลายชั้น

แหกตาสามัคคี....

ดูเหมือนแหล่งท่องเที่ยวในหลวงพระบางจะไม่ได้มีมากนัก แม้จะมีวัดเยอะ แต่ที่สำคัญๆ ก็มีเพียงไม่กี่วัด

ศิลปะการตกแต่งภายใน...สวยงามทีเดียว

แห่งที่ 2 ที่ได้มาเที่ยวคือ วัดเชียงทอง เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุด และปัจจุบันเป็นวัดหลวงที่ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาที่สำคัญๆ ในวาระต่างๆ ของประเทศ

ราชรถพระโกศของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา ซึ่งเก็บไว้ในโรงเก็บราชรถ (โรงเมี้ยนโกศ) ภายในวัดเชียงทอง

ลักษณะการสร้างบ้านในสมัยโบราณ นำไม้ไผ่มาสานเป็นโครงแล้วเอาปูนโบกทับ ซึ่งเหมือนกับที่พบเห็นได้แถวๆ เชียงคาน

ตกบ่าย...แวะจิบน้ำชากันที่ Joma Cafe ที่เขาว่าเค้กอร่อยที่สุดในหลวงพระบาง หรือเป็นเพราะมันมีร้านแบบนี้อยู่ร้านเดียวกันแน่หว่าาาา

^______^

พระธาตุพูสี...ทางขึ้นอยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ ต้องขึ้นไปตอนเย็น เพื่อไปดูวิวของเมืองและรอชมพระอาทิตย์ตก
ถ้าไม่ขึ้นไปตอนเย็นก็จะเหมือนข้าพเจ้า...ที่ต้องขึ้นไป 2 รอบ ขึ้นไปรอบแรกตอนเช้าพอลงมาก็สงสัย ทำไมไม่มีใครขึ้นไปเลยว้าาา ถึงบางอ้อ...เพราะไกด์บอกว่าจะพามาตอนเย็น จะได้ดูพระอาทิตย์ตกด้วยนั่นเอง

วิวเมือง...มองจากเขาพระธาติพูสี

ผู้คนคลาคล่ำ หลากเชื้อชาติ มารอคอยดูพระอาทิตย์ตก แต่เชื่อมั๊ยว่าที่เยอะที่สุด ก็คือพี่ไทยเรานี่เอง

ยามอาทิตย์อัสดง

เครื่องบินเตรียมร่อนลงยังสนามบินหลวงพระบาง

ในลาวก็มีคนขับแฮมเมอร์

สองคันนี้ไม่รู้มาจากไหน ประกาศขายอีกต่างหาก

ริม (แม่) น้ำคาน [ภาษาลาว น้ำ = แม่น้ำ ภาษาไทย]

สายน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตและผู้คนริมน้ำ มาช้านาน

เด็กๆ เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน

แสงสุดท้าย...

วันที่ 3 ของทริป พวกเราไปเที่ยวน้ำตก ( = ตาด) กวงสี อยู่ห่างจากหลวงพระบาง 25 km.

สวยมากๆ ^^

เป็นคนเดียวที่บ้าเดินขึ้นไปยังน้ำตกชั้นบน

เมื่อถึงบนสุดก็เห็นแค่เนี้ยยยย

สาวลาวสวยยยย....มาก

ไม่ต้องมีคำบรรยาย ^____^ ใครทำอะไรดูเอาเอง

ขี่กลับจากน้ำตก


หลักกิโลที่ 0 เห็นทีไรเป็นอดใจไม่ไหว ต้องหยุดเก็บภาพทุกที

ใส่บาตรเข้าเหนียวยามเช้า คนถ่ายรูปเยอะกว่าคนใส่บาตรเสียอีก

ใส่กันมือเป็นระวิง...แทบจกข้าวเหนียวไม่ทันพระเดินผ่าน

ตลาดเช้า...เป็นตลาดท่ี่ขายของยามเช้า (ชื่อก็บอกอยู่แล้วนิ)

ก้อนเขียวๆ คือสาหร่าย ส่วนข้างๆ กันก็พวงปู

ข้างโรงแรมมีจัดงานปีใหม่ ความบันเทิงยามค่ำคืน

น้ำเต้า ปู ปลา

คนมุงเพียบ

รำวง

แล้วก็...ตั้งวง

ไม้ท่อนโตๆ ไม่อยากคิดว่าอายุสักกี่ปี...แสนเสียดาย

ช้าง...พบเห็นได้ประปราย น่าจะเอาไว้ใช้ลากซุง

มิตรภาพที่พบได้ระหว่างทาง นักเดินทางกับผู้คนในท้องถิ่น

แม้ไม่รู้จักกัน...แต่น้ำใจที่หยิบยื่นให้แก่กัน ก็สามารถสร้างมิตรภาพและรอยยิ้มได้อย่างไม่ยากเย็น

ออกจากหลวงพระบาง 7 โมงเช้า ขี่กันเรื่อยสบายๆ แวะถ่ายภาพและก็หม่ำตลอดทาง ถึงด่านห้วยโก๋น 6 โมงเย็นพอดิบพอดี
จบทริปด้วยระยะทาง 400 กว่ากิโล ระยะทางไม่ใช่ประเด็นเสมอไป ระยะทางแค่นี้ก็ให้อะไรได้มากมายไม่แพ้ทริปยาวๆ ของตัวเองที่ผ่านมา
ขอบคุณรูปสวยๆ บางส่วนจากพี่แอนดี้ ช่างภาพประจำทริป และต้องขออภัยน้าบ๊วยที่ปาดหน้าแอบเอารูปของพี่แอนดีเมาลงก่อน เพราะมัวแต่คอยน้าคอยแล้วคอยเล่าเฝ้าแต่คอย รูปมันสวยจนอดใจไม่ไหวค่ะ ^^