วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ทริป Long Way Down สุดทางรัก...เอ้ย “รถแมงกะไซด์” ที่สิงค์โปร์ [ตอนจบ]

ทริป Long Way Down สุดทางรัก...เอ้ย “รถแมงกะไซด์” ที่สิงค์โปร์ [ตอนแรก]

และแล้วเวลาในสิงค์โปร์ 2 วันก็สิ้นสุดลง วันนี้มุ่งหน้ากลับเข้าสู่มาเลเซียอีกครั้ง เพื่อไปนอนที่มะละกา การออกจากสิงค์โปร์เข้าสู่มาเลเซีย ไม่วุ่นวายอย่างที่คิด จะว่าไปก็คือไม่โดนค้นรถอีกเลย



ถึงมะละกา 11 โมง โรงแรมที่พักจองผ่านอินเตอร์เน็ท ชื่อโรงแรม Beauford Hotel เจ้าหน้าที่ๆ มาต้อนรับ น่าจะเป็นเจ้าของเอง เป็นคนสิงค์โปร์ บริการเป็นเยี่ยม ยกนิ้วให้ค่ะ ใส่ใจดีมากๆ ก่อนเข้าห้อง...ได้ยินแว่วๆ ว่าถ้าจากูซี่ไม่ทำงาน ให้แจ้งได้ ไอ้เราก็คิดว่าหูฝาด แต่พอถึงห้อง...เข้าไปสำรวจห้องน้ำ ก็...โอแม่เจ้า อ่างจากูซี่จริงๆ ด้วย (ห้องราคา 2 พันกว่าบาทค่ะ)



พักให้หายเหนื่อยชั่วครู่...ก็ออกเที่ยวเมืองกันเล้ย มะลากาเป็นเมืองท่าเก่าแก่ มีประวัติยาวนาน ลองหาอ่านดูนะคะ และมีส่วนที่เป็น world heritage ด้วย แต่จริงๆ แล้วเมืองเล็กนิดเดียวค่ะ จะว่าไปเมืองต่างๆ ในมาเลเซียก็ไม่มีอะไรมากนัก บ้านเราดีกว่าเป็นไหนๆ (เข้าข้างบ้านตัวเองซะงั้น)



โบส์ถเก่าแก่...แต่ขนาดไม่ใหญ่โต





ตึกแดงนี่แหละ ที่เห็นจากในรูปว่าสวย จนทำให้ต้องมาแวะพักที่เมืองนี้ แต่ก็มีแค่นี้แหละค่ะ



ขี่ชมเมือง แต่ไม่ได้จอดแวะ... ถ่ายภาพจากบนหลังมอเตอร์ไซด์



ขี่ชมเมือง เก็บภาพจากบนหลังอานมอเตอร์ไซด์ ไม่ได้แวะลงไปเดินเยี่ยมชม มีนักท่องเที่ยวทั้งฝรั่งและจีนให้เป็นประปราย


จริงๆ แล้วที่นี่มีอาหาร Chicken rice ball เป็นอาหารแนะนำ แต่ก็ไม่ได้ลองค่ะ เลยไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร



ทะเลบ้านเขา...ทรายไม่สวย ไม่มีหาดสวยๆ เหมือนบ้านเราเลยค่


ความมืดมาเยี่ยมเยือน พร้อมๆ กับท้องร้องประท้วง (อีกแล้ว) แต่ก็ไม่มีข้อมูลอยู่ในหัวเลยซักนิด ใช้วิธีขี่รถตะลุยดูไปเรื่อย จนมาเจอร้านนี้เข้า กลิ่นเครื่องเทศลอยมาแตะจมูก แถมคิวยาวมาก...รอเกือบครึ่งชั่วโมงทีเดียว เป็นร้านสะเต๊ะ แต่ไม่เหมือนสะเต๊ะบ้านเรา ป้ายหน้าร้าน...เน้นๆ บอกว่าไม่มีสาขาลูกหรือหลานที่ไหน เจ้านี้มีร้านเดียวเท่านั้น





ของสดหลายหลาก เอามาต้มกันในน้ำสะเต๊ะข้นคลั่ก...เข้าเนื้อ ร้านนี้อร่อยจริง อะไรจริง เรียกว่าแนะนำค่ะ


วิธีคิดเงินเขาจะนับไม้ ไม้ละ 80 เซ็นต์ ไอ้ที่เห็นภาพ กุ้งตัวใหญ่ หอยเป๋าฮื้อ แต่มันเป็นโบนัสค่ะ ไม่มีอยู่ในตู้ที่ให้หยิบเอง คือเรานั่งๆ กินอยู่ดี ก็จะมีพนักงานเอามาหย่อนในถาดให้ เพราะเห็นว่าโต๊ะไหนที่กินน้อยๆ ก็จะไม่ได้ แปลกดีค่ะ



วันต่อมา เป็นวันที่ 8 ของการเดินทางแล้ว คืนนี้เราจะไปพักที่ปีนัง ขี่จากมะละกาไปแวะปุตราจายา เมืองใหม่ ก่อนเข้าไปนอนที่ปีนัง


ปุตราจายาเป็นเมืองใหม่ มีแต่สิ่งก่อสร้างใหญ่โตมโหฬารอลังการงานสร้างมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหล่าตึกที่ทำการของรัฐบาลรวมทั้งที่อยู่อาศัย จะเห็นว่าในเมืองมีคอนโดสร้างไว้ โดยที่ยังไม่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก ตึกเหล่านี้มันใหญ่ซะจนไม่คิดว่าจะใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า เหมือนเป็นการสร้างเพื่อให้เป็นหน้าเป็นตามากกว่า





ที่ขาดไม่ได้ ก็ต้องมัสยิตสีชมพูแห่งนี้ แต่ไม่ได้เข้าไปชมข้างในค่ะ เพราะเป็นช่วงเวลาสวดมนต์ เลยขี้เกียจรอ



กว่าจะถึงปีนังก็มืดพอดี ระหว่างทาง...เสื้อของเพื่อนก็ขาดอย่างที่เห็น แต่เป็นเพราะเสื้อตัวนี้ไม่ใช่แจ็คเก็ตสำหรับใส่ขี่รถ เข้าที่พักเรียบร้อย ก็ออกไปหาอะไรหม่ำๆ มื้อค่ำวันนี้ ถามเพื่อนเจ้าถิ่น บอกให้ไปที่ Gurney Drive มีอาหารท้องถิ่นแปลกๆ ให้ลิ้มลอง



สะพานข้ามไปยังเกาะปีนัง ความยาวกว่า 7 KM


จริงๆ แล้วจุดเกาะใกล้แผ่นดินที่สุด คือบัตเตอร์เวิด แค่ 3 กิโลเมตร แต่มาเลเซียเลือกที่จะสร้างในจุดนี้ เพื่อให้ได้รับการบันทึกว่าเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลก แต่ก็โดนจีนทำลายสถิตินี้ไปซะแล้ว จะว่าไปมาเลเซียพยายามทำอะไรๆ ให้ได้รับการบันทึกว่าเป็นที่ 1 อยู่บ่อยๆ แต่ตอนนี้โดนที่อื่นทำลายสถิติไปหมดแล้ว



หน้าตาเหมือนผัดไทยบ้านเรา คนต่อคิวกันเยอะ แต่รสชาติงั้นๆ, หอยสังข์เผา, ปลากระเบน



อิ่มแล้ว แต่ยังไม่ง่วง ก็เลยขี่รถท่องราตรีอีกสักหน่อย ^^


วันรุ่งขึ้น กว่าจะตื่นกันก็เกือบเที่ยง ที่ตื่นสายโด่ง ก็เพราะฤทธิ์เบียร์ไบซัน เบียร์ท้องถิ่น 8% ไม่ต้องแปลกใจค่ะ เพราะเจ้าของบล็อคเป็นคนชอบดื่มเบียร์ ไปประเทศไหนก็ต้องลิ้มลองเป็นของแปลก



ด้วยความมันส์ในอารมณ์จึงกลับไปขี่ขึ้นคาเมรอนกันอีกรอบ และลงอีกทาง เพราะจริงๆ แล้วก็มีทางขึ้นลง 2 ทางค่ะ เขาว่าอีกทางมันส์กว่า... ไม่อยากพลาด เพราะไม่รู้จะได้กลับมาซ้ำอีกเมื่อไหร่



ลงจากคาเมรอนฝั่งนี้ จะย้อนไปทางกัวลาลัมเปอร์ ^^ แต่ก็ไม่ยั่น...มันส์โค้งสุดๆ ระหว่างทางมีน้ำตกหนึ่งแห่ง ทีสามารถมองเห็นได้จากไฮน์เวย์ กว่าจะกลับถึงปีนังก็เกือบทุ่ม เพราะหลังจากลงเขาต้องพักรถนานพอสมควร เพราะ Er6n ถึงกับขนาดคูแลนท์เดือดกันเลยทีเดียว



เช้าวันที่ 10 วันอำลามาเลเซียกลับเข้าบ้าน เลยแวะลงไปถ่ายรูปหาดหลังโรมแรมซะหน่อย ทรายหยาบ...สีตุ่น ไม่ขาว และก็ไม่ค่อยสะอาดนัก (แต่จะว่าไปบ้านเราจุดที่แย่ก็แย่พอๆ กันแหละ)

ในภาพเป็นอุโมงค์ลอดภูเขาแถวๆ อิโป้ค่ะ และยังมีเรื่องระทึกเล็กน้อย เพราะเพื่อนทำแว่นตาหาย เขาจึงมองไม่ค่อยชัดนัก จึงขี่ไปเสยฟุตบาทเล่น แต่ก็สามารถควบคุมรถไว้ได้ ไม่ล้ม ทำให้ไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด เช็ครถแล้วพบว่าไม่มีปัญหา





และเพราะเมื่อวานผิดพลาดเรื่องเวลา ทำให้อดเที่ยวในปีนัง คือ การขึ้นชมวิวบนเขา Penang Hill ซึ่งนั่งรถรางขึ้นไป หรือจะขับรถขึ้นไปก็ได้ และวัดเก็กลกซี (Gek Lok Si) ก็เพราะไม่ได้ไป มานั่งค้นรูปในอินเตอร์เน็ททีหลังยิ่งเสียดาย ก็ออกจะสวยขนาดนี้ เลยเอามาให้ดูยั่วน้ำลายกันค่ะ

ถือเป็นทริปสำรวจก็แล้วกัน... ^^



ผ่านเข้าไทยได้อย่างง่ายดาย ไม่ถูกค้นข้าวของอย่างที่คิด คิดถึงอาหารไทยเป็นที่สุด มีพรายกระซิบบอกว่าไก่ทอดแถวๆ ด่านสะเดาอร่อย อิอิ...ต้องชิม แต่ไม่รู้ว่าร้านไหนแน่ ก็เลยมั่วๆ เอาค่ะ

11 วันของการเดินทาง...ที่ใกล้จะจบลง ตอนแรกวางแผนจะไปนอนที่กระบี่ แต่เพราะคิดถึงกลุ่มทากน้อย สหายภูเก็ตที่น่ารัก จึงทำให้เราเปลี่ยนเป้าหมายมุ่งหน้าไปนอนที่ภูเก็ตอีกหนึ่งคืนแทน จากด่านสะเดาวกเข้าภูเก็ตเป็นระยะทางที่ไกลมาก เพราะต้องขี่รถวกขึ้นมาจะเข้าเขตนครศรีธรรมราช ผ่านกระบี่ จึงจะไปถึงภูเก็ต กว่าจะถึงภูเก็ตก็เย็นพอดี ตอนแรกคิดว่าจะถึงซักเที่ยงๆ เซ็งเลย...อดชิวกันพอดี



และแล้วก็ไม่มาเยี่ยมเยียนร้าน I-Here Café จนได้ ^^



คืนนี้เราพักกันที่วิจิตรรีสอร์ท ซึ่งเป็นกิจการของสมาชิก SNL คนหนึ่ง ลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวแยกเป็นหลังๆ เราได้ห้องที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ และมองเห็นวิวทะเล

จากผลพวงของอุบัติเหตุที่ปีนัง เมื่อมาเช็ครถ (Er6n) ดีๆ แล้ว พบว่ารถของเพื่อนมีปัญหามากกว่าที่คิด จึงคิดว่าไม่น่าจะปลอดภัย ถ้าขับไกลๆ จนถึงกรุงเทพ จึงนำรถเข้าศูนย์ Kawasaki ที่ภูเก็ตทันที ส่งผลให้ต้องตัดสินใจว่าจะขี่กลับคนเดียวดีหรือไม่



ชิวริมทะเลเต็มที่ นอนอ่านนิยาย...เล่นน้ำ 6 ชม.รวด ผลคือตัวดำปี๋เลย ^^ และเพราะ Lunch Buffet นี่เองทำให้ตัดสินใจไม่ขี่รถกลับ (มีวงแจ๊สเล่นกันให้ฟังสดๆ ด้วย) รวมทั้งถ้าจะขี่กลับก็ต้องขี่กลับคนเดียว ผสมปนเปกับความขี้เกียจ ก็เลยบินกลับ ทริปนี้เลยรู้สึกค้างคา...เหมือนภาระกิจไม่สำเร็จเสร็จสิ้น ต้องมีล้างตาแน่นอน



แวะไปดูโรงแรมเคปพันวาซะหน่อย ได้ยินว่าสวย เคยดูหนังเรื่องคริสกะจ๋าบ้าสุดๆ แล้วชอบ แต่ปรากฏว่าเข้าไปผิด นี่มันโรงแรมศรีพันวา หาใช่อันเดียวกันไม่

ไม่เป็นไร...ที่นี่ก็สวยเหมือนกัน อลังการงานสร้างมาก บ้านพักเป็นหลังๆ ราคาถูกสุดก็ยังหมื่นขึ้นอยู่เลย จะแวะอีกที่ก็ไม่ทันละ มืดแล้ว อดตามเคย



วันสุดท้าย...งานเลี้ยงย่อมมีเลิกลา ทริปนี้ใช้เวลาเกือบ 2 อาทิตย์ (12 วัน) เหล่าสมาชิก SNL พามากินข้าวที่ทุ่งคากาแฟ บนเขารัง ซึ่งเป็นจุดชมวิวของเมืองภูเก็ต การต้อนรับด้วยน้ำจิตน้ำใจไมตรีอันแสนอบอุ่นเหมือนเคย อาหารที่นี่อร่อยมากๆ ค่ะ (^___^)

ขึ้นเครื่อง 5 ทุ่ม กว่าจะถึงบ้านก็เที่ยงคืน แม้จะจบทริปแบบไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้ขี่กลับ แต่ก็ได้อะไรมากมาย ความสนุกสนาน ประสบการณ์ และมิตรภาพ ทั้งจากเพื่อนและคนแปลกหน้า เรียกว่าอิ่มเอมในอารมณ์ไปได้อีกพักใหญ่ๆ

ฤดูการขี่รถท่องเที่ยว...กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เจอกันที่ไหนก็ทักทายกันได้เลยนะคะ

จบแล้วจ้า...ย้าว ยาววววว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น