วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

ขี่หนูดี...เอ่วเหนือ จุดหมาย ณ ปาย [ตอนที่ 2]

ต่อจากตอนที่แล้ว ขี่หนูดี...เอ่วเหนือ จุดหมาย ณ ปาย [ตอนที่ 1]

เรานัดมาเจอกันอีกที ที่ถนนคนเดินราวหนึ่งทุ่มตรง จากโรงแรมที่กางเต้นท์ไปยังรีสอร์ทเพื่อนต้องแหวกถนนคนเดินไป ด้วยความที่ไปไม่ถูกก็เลยตัดสินใจขี่รถลุยไปเลย เลยมีคนสามารถถ่ายรูปนี้ไว้ได้ ^_^



เดินไปเดินมาชิมนู่นนิดนี่หน่อย กลายเป็นอิ่มไปโดยปริยาย วันนี้ที่ปายมีเทศกาลหนังปายวันสุดท้าย คนคลาคล่ำพอสมควร เข้าไปดูโปรแกรมไม่มีหนังที่อยากดู จึงแยกย้ายกันเข้าที่พัก โดยนัดกันเก้าโมงเช้า หลังจากแยกไปก็เลยไปหาอะไรที่มีแอลกอฮอล์ดื่มซักหน่อย แต่ดื่มได้แค่ขวดเดียวก็ง่วง...ยอมแพ้กลับไปนอนเหมือนกัน อากาศเย็นสบาย ระหว่างที่นอนก็คิดว่าเอาไงดี ท่าทางพี่ๆกลุ่มนี้คงจะลงเลยแน่ๆ คงไม่มีอารมณ์เที่ยวกันแล้วเพราะเพื่อนป่วย แต่ให้ไปต่อคนเดียวก็ไม่กล้า มีคนขู่มาเยอะว่าทางไปแม่ฮ่องสอนยาก อันตราย แต่ก็อยากไป หลับดีกว่า...พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน


ตอนก่อนนอนออกมาจดๆจ้องๆ รถมันเล็ก กลัวหาย เลยเข็นมาจอดหลังพุ่มไม้ซะ
อุ่นในขึ้นอีกหน่อย ทั้งๆที่รู้ว่าจริงๆแล้วก็ไม่นาจะช่วยอะไรได้



เต็นท์เหลืองอ๋อย...ของข้าพเจ้าเอง



บรรยากาศยามเช้า ณ ริมแม่น้ำปาย


เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ อาจจะง่วงแต่เพราะข้านอนเร็วเลยไม่ค่อยชิน กางเต๊นท์ข้างๆชุดโต๊ะเก้าอี้ กลุ่มแรกที่มานั่งเป็นกลุ่มผู้ชายวัยกลางคน นั่งกินข้าวแล้วก็คุยกัน จับใจความได้ว่าน่าจะขี่ BB มาเหมือนกัน พอกินข้าวเสร็จกลุ่มนี้ก็แยกย้ายกันไป ความเงียบเข้าปกคลุกอีกครั้ง ฉันเองก็หลับไปได้ในที่สุด แต่สักพักก็ต้องตื่นเพราะมีเสียงเฮลั่นอยู่ข้างๆ คราวนี้เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มานั่งกินเหล้าและก็คุยกันเฮฮาดังมาก นอนไม่หลับจนต้องควัก iPod มายัดใส่หู เซ็งสุดๆ ตื่นมาประมาณแปดโมง ขณะกำลังจะเดินไปล้างหน้าตอนเช้า ก็จริงดังคาด กลุ่มแรกเมื่อคืนขี่ BB มา พวกเขากำลังเช็ครถกันอยู่ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปถาม ก็ได้ความว่าพี่เขาจะตีเข้ากรุงเทพ โดยไปทางแม่ฮ่องสอน เราก็เลยถามว่าจะขอตามไปด้วยคนแล้วจะแยกเข้าเชียงใหม่ เป็นอันว่าเราก็ได้ติดสอยห้อยตามอีกกลุ่มจัดเป็นกลุ่มที่สี่ของทริปนี้

พี่ๆกลุ่มที่เราติดขึ้นมาด้วยโทรมาประมาณเก้าบอก เราก็เลยบอกลากันโดยไม่ได้เจอกันอีก ออกเดินทางจากปาย มุ่งหน้าสู่แม่ฮ่องสอน ใครว่าทางยาก...แต่ฉันชอบ มันท้าทายดี ถึงแม่ฮ่องสอนเที่ยงพอดี ท้องส่งสัญญาณบอกว่าต้องการพลังงานแล้ว จึงแวะทานข้าวกันที่ร้านอาหารกลางเมือง ร้านนี้ดัง (แต่มีประวัติสำหรับฉัน เพราะทำฉันท้องเสียเกือบตายมาครั้งนึง) ด้วยความที่พี่ก๊วนนี้จะตีเข้ากรุงเทพเลย จึงไม่ได้มีเวลาแวะเที่ยวที่แม่ฮ่องสอนเลย




วิวสวยๆ ระหว่างทาง



ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่แม่สะเรียง ผ่านออบหลวง เข้าฮอด ระหว่างทางมีหนึ่งคันมีปัญหารถดับ จึงลงไปคาบหญ้าเล็กน้อย แต่ก๊วนนี้มีเจ้าของร้านซ่อมรถมาด้วย ซ่อมได้... จำได้ขึ้นใจ "ห้วยแม่เหาะ" แต่ก็เสียเวลาซ่อมไปราวหนึ่งชั่วโมง ผ่านออบหลวงราวๆห้าโมงกว่า แม่เจ้า...จะถึงเชียงใหม่กี่โมงกี่ยามเนี่ยช้าาาน





BMW R1150GS



สี่คัน...สี่หนุ่ม (ใหญ่)



สภาพขณะซ่อมแซม



จริงๆแล้วตอนแรกพี่กลุ่มนี้จะวิ่งเลียบชายแดนเขาตากทางแม่สอด แต่ด้วยความที่บ่ายแล้ว พวกกลัวโจรปล้น เพราะเคยมีกิตติศัพท์ในอดีตมาก พี่เขาจึงมุ่งหน้าเข้าดอยเต่า ออกเถิน ลี้ ลงตากแทน เราจึงแยกกับพวกเขาที่ฮอด กว่าจะถึงเชียงใหม่ก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าๆ หิวสุดๆ ไม่รู้พี่พวกนี้ไปเอาพลังงานมาจากไหนกัน ไม่แวะกินอะไรเลย คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่เชียงใหม่ จึงออกไปหาอะไรกินกันแกล้มด้วยเบียร์อีกหน่อย 555 ของที่ขาดไม่ได้

เช้านี้เลยตื่นสายเป็นพิเศษ กว่าจะตื่นก็ปาเข้าไปสิบโมง เพื่อนและแฟนออกไปกันหมดแล้ว เลยไม่มีโอกาสได้ร่ำราแฟนเพื่อนสาวเลย (เพราะพี่เขาอาวุโสกว่าเยอะ) ขี่ออกไปเจอเพื่อนที่ร้านขายรถราวบ่ายโมงกว่า ชะล่าใจเพราะรถออกสองโมงสี่สิบ ประมาณสองโมงจึงออกจากร้านไปสถานีรถไฟ เพื่อจะนำรถขึ้นตู้สินค้า ไปถึงเขาบอกว่าตู้สินค้าเต็มแล้ว ต้องให้ขึ้นขบวนถัดไปซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ขึ้นขบวนไหน เพราะยังมีอีกหลายคันที่ส่งกลับรถไฟ หันไปมองดูก็เป็นจริง เจ้าหน้าที่ก็ติงอีกเล็กน้อย ว่าจริงๆแล้วต้องมาอย่างต่ำหนึ่งชั่วโมง เรามาก่อนครึ่งชั่วโมงยังน้อยไป -_-' เฮ้อ...กรรม พรุ่งนี้เช้าต้องไปทำงานต่อ เอาไงดี...แต่ก็ไม่มีทางเลือก เป็นอันว่าคนไปก่อน รถตามไป คราวนี้รถไฟไม่มีแถม ออกตรงเวลาแป๊ะ ขากลับได้ตู้นอนพัดลม (รถไฟชั้นสอง) ค่อยสบายหน่อย


สัมภาระที่มากมาย เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวมากกว่าขามาก




ห้องอาหารบนรถไฟ หรูไม่ใช่น้อย อาหารพอแหลกล่ายยย!!



บรรบยากาศบนรถไฟ เป็นอะไรที่ชอบมาก เป็นความทรงจำครั้งยังเด็ก ที่ยังไม่จางหายไป


ฉันจำได้ความรู้สึกเมื่อครั้งยังเด็กแล้วได้โดยสารรถไฟได้เสมอ เป็นความรู้สึกดีที่ไม่เคยลืมเลือน หลายครั้งที่ร่ำอยากกลับมาสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้ แต่ก็ต้องมีอันพับไปเพราะตารางการเดินทางที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งการเดินทางที่ใช้เวลายาวนานเกินไป แต่เรื่องที่ขึ้นชื้อที่สุดก็คือการสมนาคุณของการรถไฟ นั่นก็คือ เลทกว่าตารางเวลามากนั่นเอง ทำให้ไม่มีโอกาสได้ใช้บริการซักที คราวนี้ก็สมใจเลยทีเดียว ลมเย็นๆ พัดผ่านสัมผัสกับใบหน้า วิวป่าเขียวขจีที่ไม่มีเสาไฟฟ้ามาบดบังให้เสียทัศนวิสัย ทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตาที่ไม่มีไฮเวย์มาขวางกั้น คลอเคล้าด้วยเสียงล้อกระทบราง ดังกระฉึกกระฉัก...ราวกับจะล้อเลียนว่า"ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง" ชวนให้ขำขันอารมณ์ดี


สถานีขุนตาล ถ้ำทางเดินรถไฟที่ยางที่สุดในประเทศไทย



ไปคนเดียว...ถ่ายรูปตัวเองก็ได้


นั่งรถไฟเที่ยวกลับหลับเร็วเป็นพิเศษ...สองทุ่มกว่าๆ ก็หลับแล้ว คงเพราะใช้พลังงานไปเยอะ ตั้งแต่มาเชียงใหม่ก็ตื่นเช้าออกเที่ยวทุกวัน ถึงกรุงเทพหกโมงกว่าเลทประมาณครึ่งชั่วโมง แค่นี้ก็มหัศจรรย์มากแล้วสำหรับ รฟท. เท้าแตะหัวลำโพงก็รีบไปติดต่อแผนกสัมภาระเช็คให้แน่ใจว่าหนูดีจะมากี่โมงกันแน่ ไปถามเขาบอกว่าขบวนต่อไป เช็คตารางเดินรถ น่าจะเข้าราวแปดโมงกว่า เลยตัดสินใจรอเอารถกลับเลยดีกว่า รอไปรอมาเก้าโมงกว่าแน่ะ... ต้องไปทำงานต่อเลย แต่งานเข้าแปดโมงเช้า -_-' สายเลยเรา



บรรยากาศหัวลำโพงยามเช้า



ปิดทริกรุงเทพ-เชียงใหม่ ทริปยาวทริปแรกในชีวิต ด้วยความประทับใจสุดๆ สรุปได้เลยว่ารักการขี่มอเตอร์ไซด์ท่องเที่ยวอย่างหัวปักหัวปำ ^_^ เชียวค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น